เดอร์ตี้คอฟฟี่ Dirty Coffee ถึงจะเป็นกาแฟเมนูใหม่ ที่พึ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน แต่กลับได้รับความนิยมจาก คอกาแฟ ในเมืองไทย จนมีเมนูนี้อยู่ในรายชื่อเครื่องดื่มแรก ๆ ของคาเฟ่ประเภท Specialty Coffee หรือกาแฟพิเศษ แต่บางร้านก็เป็นป้ายเมนูเล็ก ๆ วางไว้บนบาร์ ว่านี่เป็นเมนูพิเศษ ที่อยากให้ลองดื่มกันดู

เดอร์ตี้คอฟฟี่ Dirty Coffee คืออะไร ? 

เป็นกาแฟที่แยกชั้น ชั้นบน คือ กาแฟเอสเพรสโซ (Espresso) หรือริสเทรตโต (Ristretto) ชั้นล่างจะเป็นนมสดเย็น ทำให้ได้รสชาติที่หลากหลาย แปลกใหม่ อยู่ภายในแก้วเดียว แตกต่างจาก ลาเต้ (Latte) ที่กาแฟจะอยู่ชั้นล่าง และนมอยู่ด้านบน 

แต่ตามความเป็นจริงแล้ว เมนูกาแฟนี้ ไม่ได้มีสูตรที่ตายตัว บางร้านก็ได้นำสูตรไปปรับให้มีความแตกต่างกันออกไป เพราะบางร้านก็จะใส่เพียงแค่กาแฟ และนม แต่บางร้านก็เติมความหวานเข้าไป

แล้วเดอร์ตี้คอฟฟี่ มาจากไหน ?

กาแฟเมนูนี้ มีที่มาจากดินแดนของดอกซากุระ หรือโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เจ้าของ Bear Pond Espresso คัตซึยูกิ ทานากะ บาร์แห่งหนึ่ง ในย่านชิโมะคิตาซาวะ ผู้คิดค้นเมนูกาแฟนี้ขึ้นมา เขามีความหลงใหลในเอสเพรสโซเป็นอย่างมาก เขาได้สร้างสรรค์กาแฟผสมนมแยกชั้นขึ้นมา และได้เปิดตัวที่ร้านกาแฟ Joe The Art of Coffee ในนิวยอร์ค หลังจากนั้น Dirty Coffee ก็เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก

ทำไม ถึงเรียกว่า “Dirty Coffee” 

อาจเพราะว่า หน้าตาของกาแฟที่ดูเลอะเทออะ มีสีของนม ปนกับสีของกาแฟ จนเกิดเส้นสาย ลวดลายต่าง ๆ กลายเป็นรูปร่าง เป็นเสมือนกับงานศิลปะชิ้นหนึ่ง ซึ่งในแต่ละแก้วก็ยากที่จะมีลวดลายที่ซ้ำกัน

เดอร์ตี้คอฟฟี่ ต่างจากลาเต้ยังไง ?

หลาย ๆ คนคงสงสัยกันว่า ในเมื่อส่วนผสมหลัก ก็คือกาแฟ และนม แล้วกาแฟเมนูนี้ จะต่างกับลาเต้ยังไง แต่ที่จริงแล้ว กาแฟชนิดนี้ ทั้งสูตร และวิธีการเตรียม อีกทั้งรสชาติ รวมทั้งวิธีการดื่มก็ต่างกัน เพราะ เดอร์ตี้จะใช้กาแฟเอสเพรสโซ 1 ถึง 2 ช็อต ราดลงบนนมเย็น เสิร์ฟในแก้วใส ขนาดเล็ก 

แต่ลาเต้จะใช้ส่วนผสมเป็นนม ที่ผ่านการสตรีมมาแล้ว และสามารถเสิร์ฟได้ทั้งแบบร้อน และแบบเย็น รสชาติจึงบางเบากว่า

เสน่ห์ของ เดอร์ตี้คอฟฟี่ Dirty Coffee

ถ้าหากพูดถึงเสน่ห์ของเดอร์ตี้คอฟฟี่ อย่างแรกเลย ขึ้นอยู่กับความสวยงามแบบเลอะ ๆ มีความคล้าย ๆ กับศิลปะ ที่เรียกกันว่า Fluid Art เพราะ เวลาทำ เดอร์ตี้คอฟฟี่ให้สวยงาม จะทำในแก้วใบใส ใส่ของเหลวมากกว่า 1 ชนิด และให้แยกชั้นกันชัดเจน ประกอยด้วย กาแฟหนึ่งถึงสองชนิด และนมสดผสมครีม ตามด้วบไซรัป เป็นท็อปปิ้ง ในเวลาไม่นาน ของเหลวที่ชั้นบนจะค่อย ๆ ไหลเยิ้ม ลงมาสู่ด้านล่าง แบบค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป พร้อมกับการผสมสีสวยงามของกาแฟ และนม แบบนี้แหละ ที่เรียกกันว่า Fluid Art

เสน่ห์ต่อมา คือ การที่เราค่อย ๆ ได้ลิ้มรสชาติของส่วนผสมที่แตกต่าง สัมผัสเเรก คือรสชาติกาแฟแบบเข้ม ๆ จากนั้น เมื่อชั้นกาแฟค่อย ๆ ไหลเยิ้มลงสู่ชั้นที่เป็นนม เราก็จะได้สัมผัส ความหวาน ความมัน ความหอม ของครีมนมสด ที่ค่อยๆ ผสมผสานเข้ากับกาแฟ

วิธีดื่ม เดอร์ตี้คอฟฟี่ Dirty Coffee

วิธีการดื่มกาแฟเมนูนี้ จะไม่ใช้ช้อนคนกาแฟ เพื่อรักษารสชาติ และความอร่อย แต่ละชั้นไว้ ค่อย ๆ ยกถ้วยจิบกาแฟ ไปเรื่อย ๆ ได้ทั้งความรู้สึกร้อน และเย็น การทำแบบนี้จะช่วยให้ได้กลิ่น และได้ดื่มด่ำกับรสชาติกาแฟไปได้อย่างเต็มที่ 

จิบแรก จะได้รับรสชาติความเข้มข้น ของเอสเพรสโซ ต่อมาจะได้กลิ่นหอม และรสนุ่ม กลมกล่อมของกาแฟ ผสมกับนม สุดท้ายแล้วก็จะได้รสชาติหวาน ๆ ของนมสดเย็น

รสชาติของเดอร์ตี้คอฟฟี่

เวลาที่เราดื่มเดอร์ตี้คอฟฟี่ แบบดั้งเดิม จะมีส่วนผสมแค่เพียง กาแฟ และนม จะทำให้เราสัมผัสได้ถึงรสชาติเอสเพรสโซเข้มข้น พร้อมครีมอันเดอร์โทนเย็น ได้รับความรู้สึกร้อน และเย็นผสมผสานกันไปในระหว่างดื่ม

และเดอร์ตี้คอฟฟี่เป็นกาแฟ ที่เสิร์ฟแบบเย็น หลาย ๆ คน อาจจะคิดว่ารสชาติอาจจะคล้ายลาเต้ หรือเหมือนลาเต้ แต่ไม่ใช่เรื่องจริงเลย เดอร์ตี้สูตรเดิม จะไม่เติมความหวานใด ๆ เข้าไป แต่จะเป็นการผสมผสานรสชาติหอมหวาน ระหว่างนม และกาแฟในแก้ว และรสชาติจะไม่เจือจางเหมือนลาเต้ เพราะ เดอร์ตี้ ไม่ใส่น้ำแข็ง และไม่ได้ร้อนเหมือนกับลาเต้ร้อน แต่จะเป็นอุณหภูมิ ที่เราสามารถดื่มเรื่อย ๆ ได้ ไม่เสียรสชาติ

พออ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ก็คงมีหลาย ๆ คนที่อยากลองชิมกาแฟ เมนูนี้ แนะนำให้ไปคาเฟ่แนว Specialty Coffee หากใครอยากลองชิม ก็ลองไปสั่งกันได้ ส่วนมากการเสิร์ฟ เดอร์ตี้คอฟฟี่ พร้อมกับน้ำเปล่าเย็น ๆ เพื่อดื่มปิดท้ายล้างปาก 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *