ผู้ชนะในการแข่งขัน Cup Taster Championship ในปี 2019 Daniel Horbat และเป็นเจ้าของผู้ก่อตั้ง Sumo Coffee Roasters ในดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ ได้บอกถึงการศึกษาเกี่ยวกับกาแฟ เพื่อการแข่งขันในครั้งนี้ เขาอธิบายว่า การศึกษากาแฟเปรียบเสมือนการศึกษากิ่งไม้เพียงกิ่งเดียว

เขาบอกว่า ร่างกายของคนเรานั้นไวต่อรสขมมากกว่า เพราะลิ้นของเรามีความเชื่อมโยงกับการรับรู้ถึงพิษ เขาให้ความสำคัญกับรสขมในกาแฟ ความเป็น acidity จะจางลงไปเมื่อกาแฟเย็นลง ในขณะที่ความหวานในกาแฟนั้นก็ยากที่จะประเมินได้ กลิ่นของกาแฟก็อาจจะมารบกวนสมาธิของเขา ดังนั้นเขาจึงโฟกัสไปที่รสขมของกาแฟ

ได้มีงานวิจัยแสดงให้เห็นว่า สารประกอบอัลคาไลน์จากพืชจะมีรสขม และสารประกอบอัลคาไลน์ที่สามารถพบได้บ่อยที่สุด ได้แก่ atropine, quinine และ strychnine โดยกาแฟที่มี quinic acid ในปริมาณสูงตามธรรมชาติ จะทำให้กาแฟนั้นมีรสขมมากขึ้น ขณะเดียวกัน ลิ้นเราสามารถรับรู้รสหลักได้ 5 รสชาติ ได้แก่ รสเค็ม เปรี้ยว หวาน ขม และอุมามิ แต่ส่วนของโคนลิ้นนั้นจะไวต่อรสของเป็นพิเศษ นี่เป็นกระบวนการสุดท้ายของร่างกายเรา เพื่อที่จะไม่ให้เรากลืนอาหารเป็นพิษลงไป

Charlie แชมป์ Cup Taster Championship ประจำปี 2021 และเป็นบาริสต้าที่ ONA Coffee ในเมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย

โดยเขาจะให้ความสำคัญกับรสชาติเป็นอันดับแรก เขาพยายามที่จะหาความแตกต่างในเรื่องของกลิ่นหอม รสชาติ acidity และบอดี้ระหว่างกาแฟทั้ง 3 ชนิด

สิ่งที่ทั้งสองมีร่วมกัน และได้บอกเหมือนกันคือ การพยายามทุ่มเทให้งานในครั้งนี้ ทั้งคู่นั้นฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ และผลักดันตัวเองให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ในแต่ละครั้ง

ผู้ชนะในการแข่งขัน Cup Taster Championship และการฝึกฝน

เพื่อเตรียมตัวสำหรับการแข่งขันครับ Cup Taster Championship ผู้เข้าแข่งขันทั้งสองจึงจำเป็นต้องฝึกฝน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการแข่งขันมาก โดยทั้งสองจะทำการฝึกให้มีความใกล้เคียงกับการแข่งขันในรอบแรก ที่ให้ชิมกาแฟ 8 เซ็ตในเวลา 8 นาที พยายามให้ใกล้เคียงแบบนั้นมากที่สุด

การจำลองสภาพแวดล้อมให้เหมือนกับการแข่งขันนับว่าเป็นกุญแจสำคัญในการฝึกฝนโดยพวกเขาพยายามที่จะใช้อุปกรณ์ที่คล้ายกันอัตราส่วนการชงกาแฟที่เท่ากัน จำนวนแก้วที่ใช้ และวิธีการชิม การกำหนดปัจจัยเหล่านี้ให้มีความใกล้เคียงเป็นสิ่งสำคัญก็จริง แต่สิ่งสำคัญไม่แพ้กันก็คือ พื้นที่ที่ใช้สำหรับการฝึกฝน ซึ่งจำเป็นจะต้องเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมและเงียบสงบ Charlie บอกว่า เขาจะใช้ห้องชงกาแฟที่บ้าน เพื่อเตรียมตัวสำหรับการแข่งขัน ก่อนหน้านี้เคยใช้ร้านกาแฟของเพื่อน หลังจากที่ปิดทำการแล้วเพื่อให้มีสมาธิและอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ใช่

Charlie เริ่มพัฒนาประสาทสัมผัสมากขึ้นเรื่อย ๆ และได้ทำการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2019 เป็นต้นมา โดยเขามักจะพูด 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยให้ความสำคัญกับการฝึกฝนที่สม่ำเสมอ

แต่ Daniel นั้นจะฝึกทุกวัน โดยจะฝึก 3 เซสชันต่อวัน แต่เขาได้เตือนในเรื่องของการฝึกที่หนักจนเกินไป เนื่องจากจะเป็นอันตรายต่อการพัฒนาทักษะทางประสาทสัมผัส รวมถึงเป็นอันตรายต่อสุขภาพด้วย นอกจากนี้แล้ว Daniel ยังฝึกฝนโดยการชิมกาแฟเพียงครั้งเดียวต่อ 1 แก้ว สิ่งนี้จะช่วยพัฒนาในเรื่องการตัดสินใจและสัญชาตญาณของเขา

การที่ชิมกาแฟที่หลากหลายชนิด จากแหล่งที่มาที่มีความแตกต่างกัน ตลอดจนรูปแบบการคั่วและกระบวนการการผลิตที่แตกต่างกันก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน เป็นสิ่งที่จำเป็นที่เราต้องทำให้ตัวเองมีประสบการณ์ต่อรสชาติที่หลากหลาย ทั้งนี้ก็เพื่อขัดเกลาทักษะทางประสาทสัมผัสของเรา และช่วยให้เราพยายามแยกแยะความแตกต่างที่ละเอียดอ่อนระหว่างกาแฟหลายชนิดได้ด้วย แต่เขาก็ยังได้บอกอีกว่า การฝึกในการแยกแยะความแตกต่างอย่างง่าย ๆ เช่น การแยกความแตกต่างระหว่างกาแฟเคนย่า ที่มีกรรมวิธีการแปรรูปที่แตกต่างกัน อาจเป็นเรื่องที่ง่ายเกินไป หากคุณกำลังแข่งขันในเวทีโลก

วิธีการของ Daniel ที่น่าสนใจอีกวิธีหนึ่ง เขาจะทำการผสมกาแฟ 2 ชนิดที่มีลักษณะคล้ายกันเข้าด้วยกัน โดยจะใช้อัตราส่วน 60:40 สำหรับกาแฟชุดแรก และผสมกาแฟชุดที่ 2 ในอัตราส่วน 40:60 นี่เป็นการพัฒนาทักษะทางประสาทสัมผัสของเขาให้ดีขึ้นในแบบของเขา จากนั้นก็ลองในอัตราส่วนที่แตกต่างออกไปเรื่อย ๆ

ข้อควรระวังอื่น ๆ สำหรับนักชิมกาแฟที่ดี

ก่อนที่จะเข้าแข่งขัน คู่แข่งขันหลายคนจำเป็นที่ต้องปรับเปลี่ยนอาหารการกิน Charlie กล่าวว่า ก่อนการแข่งขันเป็นเวลาประมาณ 10 วัน เขาจะทำการตัดอาหารรสจัดและรสเผ็ดออกก่อนการแข่งขัน สิ่งนี้ตรงกับงานวิจัยชิ้นหนึ่ง ที่มีการเผยออกมาว่า อาหารรสเผ็ดและอาหารรสจัดนั้น จะทำให้เราได้รับรสชาติอื่น ๆ น้อยลง เนื่องจากต่อมรับรสของเราได้รับความเสียหายและระคายเคือง ทำให้รสชาติอื่น ๆ ผิดแปลกไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับผู้ที่กินเผ็ดไม่เก่ง หรือลิ้นไม่คุ้นเคยกับรสเผ็ดเท่าไหร่นัก

ในช่วงระหว่างการฝึกฝนนั้น Daniel จะทำการงดเกลือ พริกไทย เครื่องเทศ และเบียร์ อาจเป็นเวลาหลายเดือนก่อนหน้าที่จะแข่งขัน บางครั้งเขากินแค่อาหารเด็กเสียด้วยซ้ำ และยังได้ย้ำเตือนว่า การที่เราเปลี่ยนอาหารก่อนการแข่งขันไม่นานอาจส่งผลเสียได้

ทั้ง Charlie และ Daniel บอกว่า การสูบบุหรี่ก็จะส่งผลทำให้ต่อมรับรสและเพดานปากของเรามีปัญหา ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงก่อนการแข่งขัน เรื่องนี้ตรงกับที่ Journal of Tobacco Induced Diseases ได้ออกมาบอกว่า ประสาทรับรสของเราจะลดลงอย่างมาก หลังจากที่เราสูบบุหรี่หรือยาสูบเพิ่มขึ้น ในงานวิจัยยังมีข้อสรุปด้วยว่า ประสาทรับรสของเราจะฟื้น ตัวหลังจากที่เลิกบุหรี่ได้ 9 สัปดาห์ แต่ถึงอย่างนั้น ก็มีบางคนที่รู้สึกได้ตั้งแต่เลิกบุหรี่ได้ 2-3 วัน

ในวันแข่งขันนั้น ไม่ใช่แค่ต้องแข่งขันกับตัวเองเท่านั้น แต่ผู้เข้าแข่งขันยังต้องแข่งขันกับคนอื่น ๆ ด้วย ดังนั้นการเล่นเกมอย่างมีชั้นเชิงนั้นอาจเป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้ชนะคู่แข่งได้ Daniel ได้เปรียบเทียบการแข่งขันนี้เหมือนกับการเล่นหมากรุก โดยเขาได้จดบันทึกถึงผู้เข้าแข่งขันคนอื่นในเรื่องความเร็ว และความแม่นยำในรอบก่อนหน้านี้ เพื่อทำการประเมินคู่แข่ง

อีกสิ่งที่สำคัญในวันแข่งขันก็คือ การดื่มน้ำมาก ๆ เพราะจะช่วยทำให้เพดานปากของเราชุ่มชื่นอยู่ตลอดเวลา Daniel แนะนำเป็น sparking water

แต่ท้ายที่สุดแล้ว กุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่ชัยชนะในการแข่งขันไม่ใช่แค่ในการแข่งขันนี้ คือ เรื่องของการฝึกฝน ทั้งสองได้บอกว่า ยิ่งคุณสามารถสร้างเงื่อนไข และปัจจัยในการฝึกฝนให้คล้ายกับการแข่งขันได้มากเท่าไหร่ โอกาสที่จะบรรลุเป้าหมายหรือชนะก็จะมากขึ้นเท่านั้น การใช้เวลาหลายชั่วโมงในการชิมกาแฟแบบต่าง ๆ เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการปรับปรุงฝีมือของเรา และไม่มีอะไรมาทดแทนการฝึกหนักได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *