งานประกวด Cup Taster Championship มีงานประกวดและงานแข่งขันเกี่ยวกับกาแฟมากมาย เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมกาแฟให้กว้างไกลขึ้น รวมถึง เป็นการตระหนักถึงทักษะ และวิชาชีพทางด้านกาแฟ

มีงานหนึ่งที่จัดอยู่เป็นประจำโดย World Coffee Championship เป็นงานแข่งขันชิมกาแฟที่มีชื่อว่า World Cup Taster Championship โดยในงานนี้คืองานที่ผู้เข้าร่วมแข่งขันจะต้องเข้าแข่งขันหลายต่อหลายรอบ เพื่อที่จะค้นหาผู้ที่สามารถลิ้มรสกาแฟได้อย่างแม่นยำและรวดเร็วที่สุดในโลก ซึ่งงานนี้ได้จัดขึ้นทุกปี และมีความเข้มข้นขึ้นทุกปีด้วย

วันนี้จะพาคุณไปรู้จักกับงาน World Cup Taster Championship กันครับ ว่างานนี้มีลักษณะเป็นอย่างไร เราต้องชิมกาแฟแบบไหน พาไปรู้ถึงเคล็ดลับของผู้ชนะทั้งสอง Daniel Horbat และ Kyoungha “Charlie” Chu ทั้งสองมีวิธีการฝึกฝนการชิมกาแฟอย่างไร และสามารถนำมาปรับใช้กับเราให้สามารถลิ้มรสของกาแฟได้อย่างแม่นยำมากขึ้นได้อย่างไร

งานประกวด Cup Taster Championship คืออะไร

งาน Cup Taster Championship คืองานที่ผู้เข้าแข่งขัน ซึ่งเป็น cupper ทั่วโลกจะมาแสดงศักยภาพ แสดงให้เห็นถึงทักษะความแม่นยำและความเร็วในการแยกแยะความแตกต่างของรสชาติกาแฟแต่ละชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กาแฟสเปเชียลตี้

ลักษณะการแข่งขันผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนจะมีเวลา 8 นาทีในการชิมรสชาติของกาแฟ 8 ชุด ชุดละ 3 แก้ว ซึ่งเรียกว่า “triangulation tests” โดยใน 1 ชุดที่มี 3 แก้วนั้น จะมีกาแฟ 2 แก้วที่มีรสชาติเหมือนกัน วิธีการคือ จะต้อง ชิมแล้วทายว่า กาแฟแก้วไหนที่แตกต่างจากอีก 2 แก้ว

โดยกาแฟที่นำมาใช้นั้น มีข้อกำหนดที่ค่อนข้างชัดเจน สำหรับการทดสอบแต่ละครั้งนั้น จะมีกาแฟ 2 แบบที่แตกต่างกัน กาแฟ A จะถูกเทลงใน 2 ใน 3 แก้ว ในขณะที่กาแฟ B จะถูกเทลงในแก้วแก้วเดียว

ดยวิธีการชงกาแฟจะใช้การชงกาแฟดริป ระดับการคั่วกาแฟคือ กาแฟคั่วกลาง และต้องคั่วไม่เกิน 14 วันก่อนนำมาทำการแข่งขัน กาแฟจะถูกชงโดยน้ำที่อุณหภูมิ 92-95 องศาเซลเซียส

โดยจะใช้กาแฟ 60 กรัม ต่อน้ำ 1 ลิตร ใช้เวลาชงอยู่ระหว่าง 4-6 นาที และเมื่อกาแฟถูกชงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กาแฟนั้นจะถูกเก็บไว้ที่อุณหภูมิ 80-85 องศาเซลเซียส

ผู้เข้าแข่งขันต้องระบุว่า กาแฟแก้วไหนที่เป็นกาแฟคนละชนิดกับกาแฟอีก 2 แก้ว โดยวิเคราะห์ได้จากกลิ่นและรสชาติเพียงเท่านั้น ผู้เข้าแข่งขันทุกคนจะได้ชิมกาแฟแบบเดียวกันทั้งหมด ในกรณีที่มีผู้เข้าแข่งขันมากกว่า 1 คน ที่สามารถทายรสชาติของกาแฟในจำนวนที่เท่ากันได้ จะตัดสินผู้ชนะจากความเร็วที่พวกเขาทำได้ โดยทั่วไปแล้ว กาแฟแต่ละแก้วนั้นจะมีสติ๊กเกอร์ติดไว้ที่ด้านล่างของแก้ว เพื่อให้กรรมการสามารถนับคะแนนได้เมื่อจบการแข่งขันแต่ละรอบ

การแข่งขันจะมีขึ้นด้วยกัน 3 รอบ รอบแรก รอบรองชนะเลิศ และรอบชิงชนะเลิศ คล้ายกับการแข่งขันระดับชาติที่เกิดขึ้นในหลาย ๆ อุตสาหกรรม ผู้เข้าแข่งขันเพียง 8 คนเท่านั้นที่จะได้เข้าสู่รอบรองชนะเลิศ จากนั้นจะคัดเหลือ 4 คน เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ

ทักษะใดจำเป็นสำหรับการเป็นผู้เข้าแข่งขัน

โดยปกติแล้ว ผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟ จะมีความสามารถในการประเมินคุณภาพ บอกถึงแหล่งกำเนิดและที่มาของกาแฟ และบอกถึงลักษณะการแปรรูปกาแฟที่เกิดขึ้นได้ แต่สำหรับผู้เข้าแข่งขันนั้น สิ่งที่สำคัญกว่าคือ การพิจารณาว่ากาแฟแก้วไหนมีความแตกต่างกันอย่างไร ดังนั้น ทักษะที่สำคัญคือทักษะในการทำงานเป็นบาริสต้า และการเป็นนักคั่วกาแฟก็มีประโยชน์สำหรับการแข่งขันนี้ แต่ก็จะมีวิธีการฝึกฝนเพิ่มเติมอีก

โดยทั่วไปแล้ว การดื่มกาแฟ 1 แก้วนั้น เราจะสามารถรับรู้ได้ถึงกลิ่นหอม รสชาติ acidity บอดี้และบาลานซ์ของกาแฟแก้วนั้น ซึ่งนี่เป็นหลักปฏิบัติโดยทั่วไปของ cupper แต่ผู้เข้าแข่งขันนั้นแตกต่างกันออกไป

ต้องสามารถระบุความแตกต่างของกาแฟได้ และจำเป็นต้องมีสัญชาตญาณด้วย ดังนั้นจะบอกว่า ทักษะการเป็น cupper เป็นเครื่องมือที่ดีสำหรับการเป็นผู้เข้าแข่งขัน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า หากคุณเป็น cupper ที่ดี คุณจะสามารถเข้าแข่งขันได้ด้วย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *