เมล็ดกาแฟเกรดพิเศษ (Specialty Coffee) คอกาแฟหลายคนก็อาจจะคุ้นๆกับคำนี้ มีบางร้านที่นำคำนี้ไปตั้งชื่อเป็นร้านกาแฟ แต่ก็ไม่ได้บ่งบอกว่าร้านนั้นพิเศษ กาแฟเกรดพิเศษ ไม่ใช่คำที่ใครจะนำมาใช้ได้ง่ายๆ ความพิเศษของกาแฟนี้ มันมีอะไรที่มากกว่านั้น แล้วความพิเศษนั้นมันคืออะไรล่ะ วันนี้เรามาหาคำตอบกัน
กาแฟพิเศษ คืออะไร?
ความพิเศษของกาแฟนี้วัดกันตั้งแต่เมล็ดกาแฟจนถึงกระบวนการทำทุกๆอย่าง เมล็ดกาแฟที่นำมาชงต้องผ่านการคัด คั่ว บด กลั่น ชง แล้วได้รับการรับรองว่ามีคุณภาพจากนักชิมที่เชี่ยวชาญ (เรียกกันว่า Q Grader หรือ Cupper) โดยผ่านการทดสอบทั้งเรื่องของกระบวนการผลิตเมล็ดกาแฟ ทดสอบคุณภาพ ทดสอบกลิ่น รสชาติ และต้องได้คะแนนทั้งหมด 80 คะแนนขึ้นไป ถึงจะสามารถเรียกว่า กาแฟเกรดพิเศษ ได้
เพราะฉะนั้นถึงแม้ว่าเราจะซื้อเมล็ดกาแฟนำเข้าราคาแพง พรีเมี่ยมแค่ไหน ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะได้ดื่มกาแฟเกรดพิเศษ แต่เมล็ดกาแฟที่ขายตามห้างทั่วไป จะเรียกกันว่า Commercial Grade
แล้วเราจะวัดคะแนนกาแฟเกรดพิเศษจากอะไรกันล่ะ ?
จะเป็นกาแฟเกรดพิเศษได้มีเกณฑ์อยู่ 10 อย่าง คือ Aroma/ Fragrance, Flavor, Aftertaste, Acidity, Body, Balance, Uniformity, Clean cup, Sweetness, Overall รวมกันแล้ว จะต้องได้ 80 คะแนน จึงจะเป็นกาแฟเกรดพิเศษ และได้รับการตรวจสอบ ตั้งแต่แหล่งที่เพาะปลูก วิธีการปลูก กระบวนการทุกอย่างๆ จนได้กาแฟรสเลิศ
จุดเริ่มต้นของกาแฟเกรดพิเศษ
เริ่มต้นกันที่ประเทศสหรัฐอเมริกาที่นิยมดื่มกาแฟกัน เมื่อความต้องการที่จะบริโภคสูงขึ้น จึงมีกาแฟคุณภาพต่ำเยอะ จนนักชิมกาแฟไม่ค่อยพอใจ ทนไม่ไหว และตั้งสมาคมกาแฟเกรดพิเศษแห่งอเมริกา (SCAA : Specialty Coffee Association) ขึ้น
เพื่อพัฒนาส่งเสริมการปลูก การคั่ว และการผลิตกาแฟที่ดีขึ้น อีกทั้งยังมีการให้คะแนน เมล็ดกาแฟ และร้านกาแฟ พัฒนาตลาดของกาแฟให้ดีมากขึ้น
กาแฟเกรดพิเศษก็มีในประเทศไทยเหมือนกันนะ
ในประเทศไทยก็มีสมาคมกาแฟเกรดพิเศษไทย (SCATH : Specialty Coffee Association of Thailand) เช่นเดียวกัน ในปี 2556 เพื่อพัฒนากาแฟ และตลาดกาแฟของไทยโดยเฉพาะ
เพราะกระแสกาแฟเกรดพิเศษมาแรงในเมืองไทยจึงเป็นที่สนใจเช่นเดียวกัน คอแฟในไทยเริ่มรู้จักเมล็ดกาแฟเกรดพิเศษมากขึ้น และอยากลองชิมกาแฟประเภทนี้สักครั้งจนยอมจ่ายแพงขึ้นเพื่อได้กินกาแฟคุณภาพดี
เพราะกระบวนการทำที่พิถีพิถันในการผลิต และชงกาแฟเมนูนี้ ด้วยเหตุผลนี้จึงดึงดูดคนที่รักการดื่มกาแฟ ด้วยกลิ่นที่หอม สัมผัสที่แตกต่าง รสชาติชั้นยอด และมีเอกลักษณ์
กาแฟเกรดพิเศษในไทยปี 2019 มีมูลค่าถึง 2,000 ล้านบาท คิดเป็น 10 เปอร์เซ็นต์ของมูลค่ากาแฟคั่วบด และตลาดกาแฟยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ดีสำหรับเกษตรกรไทยที่จะหาสายพันธุ์กาแฟที่ดี และทำกาแฟเกรดพิเศษออกมา
ถึงแม้ว่าประเทศเพื่อนบ้านของเรา อย่างอินโดนีเซีย และเวียดนาม จะมีการเพาะปลูกมากกว่า แต่กลับมีค่าเเรงที่ต่ำกว่า แต่ในประเทศของเรานั้นได้เปรียบเชิงคุณภาพกว่า ด้วยบริเวณพื้นที่เพาะปลูกระดับโลกอย่างดอยช้างจึงสามารถแข่งขันกับเมล็ดกาแฟที่อื่นๆได้เลย รสชาติที่มีเอกลักษณ์ แตกต่าง โดดเด่น จนสามารถสร้างชื่อเสียงระดับโลกได้ หากจะพัฒนาพื้นที่ปลูกกาแฟแบบนั้นได้ เกษตรกรไทยคงจะมีรายได้มากขึ้น
SpecialtyCoffee หาดื่มจากที่ไหนได้บ้างนะ
ในปัจจุบันนี้กาแฟเกรดพิเศษหาดื่มได้จากร้านที่ได้การรับรองเท่านั้น หรือตามเทศกาลเกี่ยวกับกาแฟ เช่น Thailand Coffee Fest ก็อาจจะได้มีโอกาสลองสัมผัสรสชาติของกาแฟเกรดพิเศษนี้กันบ้าง
กาแฟเกรดพิเศษมีรสชาติเป็นอย่างไร ?
สำหรับคนที่เริ่มจากจะชิมกาแฟเกรดพิเศษ อาจจะต้องเปิดใจกันสักเล็กน้อย เพราะ อาจไม่คุ้นชินในกลิ่น และรสชาติ เนื่องจากกาแฟชนิดนี้ จะมีระดับการคั่วแบบ Light Roast เพื่อคงรสชาติ และกลิ่นที่เป็นธรรมชาติของกาแฟจากแหล่งผลิตนั้นๆไว้ให้มากที่สุด ทำให้กาแฟมักจะมีรสชาติเปรี้ยว (acidity)
กาแฟเกรดพิเศษ มักจะมาจากประเทศแถบแอฟริกา ที่เป็นแหล่งปลูกกาแฟแห่งแรกของโลก เช่น กาแฟเอธิโอเปียที่มีกลิ่นของดอกไม้ชัดเจน หรือกาแฟบราซิลที่โดดเด่น เรื่องความหอมหวาน คล้ายๆคาราเมล และน้ำตาลไหม้ หรือจะเป็นกาแฟเกอิชาปานามา ที่มีความลุ่มลึก ราคากิโลกรัมละเกือบหนึ่งแสนบาท ซึ่งในร้านกาแฟอาจราคาถึงแก้วละ 300 ถึง 500 บาทเลยทีเดียว