กาแฟไนโตร (Nitro coffee) เปรียบเสมือนวิวัฒนาการอีกขั้นหนึ่งของกาแฟสกัดเย็น เป็นเทรนด์ใหม่ที่พึ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ มีทั้งความเข้มข้นของเนื้อสัมผัส และความนุ่มนวลไปพร้อมกัน และยังมีความหวานตามธรรมชาติอีกด้วย ด้วยความที่กาแฟNitroมีความละมุน และอร่อยมาก เนื่องจากมีเนื้อโฟมหนานุ่ม วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกาแฟNitroกัน
กาแฟไนโตรคืออะไร?
เรียกกันอีกชื่อว่า NitroCoffeeสกัดเย็น ก็ตรงตามชื่อคือการชงกาแฟโดยใช้แก๊สไนโตรเจนเป็นส่วนผสมหนึ่งในการชงด้วย อาจจะฟังดูแปลกประหลาดกันสักหน่อย แต่ว่าการผสมเครื่องดื่มเย็นๆกับแก๊สในโตรเจน กลับไม่ใช่อะไรที่แปลกใหม่ ถ้าหากคุณเคยดื่มเบียร์อาจจะคุ้นเคยกับสิ่งนี้อยู่แล้ว โดยเนื้อสัมผัสที่นุ่ม ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเบียร์ Guinneas stout ที่ได้มาจากไนโตรเจน โดยที่ฟองเบียร์จะมีความละเอียดอ่อน แต่ก็หนาแน่น ต่างตากฟองเบียร์อื่นๆ นอกจากนั้นแล้ว ยังมีเนื้อสัมผัสที่ยอดเยี่ยม และมีเอกลักษณ์ เหมาะกับการจับคู่กับอาหารหลากหลายชนิดอีกด้วย เป็นการชงกาแฟโดยการใช้แก๊สไนโตรเจนเป็นส่วนผสมด้วย
เจ้าแรกที่เป็นผู้คิดค้นเทคนิคกาแฟนี้คือ Cuvee Coffee of Austin and Stumptown Coffee of Portland บริษัทผลิตกาแฟขนาดใหญ่ และได้ทำการผลิตNitroCoffeeแบบกระป๋องขึ้นมา โดยใช้แคปซูลไนโตรเจน
ความแตกต่างระหว่างการใส่ไนโตรเจน และคาร์บอนไดออกไซด์
ปกติแล้วเครื่องดื่มที่ใช้แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์จะมีความซ่า และจะมีเสียงอันเกิดจากฟอง การใช้ไนโตรเจนนั้นจะให้กาแฟที่มีความแตกต่างกัน กับเครื่องดื่มอื่นๆ หรือน้ำอัดลมที่ใช้แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งฟองไนโตรเจนจะมีรสสัมผัสมีความนุ่มนวล และหนักแน่น ขนาดฟองความเล็กกว่า ในทางกลับกันเครื่องดื่มอย่างน้ำอัดลมก็จะมีความโปร่งกว่าเล็กน้อย
NitroCoffee กับกาแฟเย็น(อื่นๆ)
กาแฟเย็นถือว่าเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมของคอกาแฟทั่วไป กรรมวิธีการทำ เริ่มตั้งต้นมาจากการทำกาแฟร้อน โดยเรามักจะสกัดกาแฟด้วยความร้อนก่อน หรือชงกาแฟ อย่างเช่นว่าเริ่มต้นด้วยการใช้เครื่องเอสเพรสโซในการชงกาแฟ กาแฟ French Press หรือแม้แต่กาแฟดริป จากนั้นค่อยเทลงบนน้ำแข็ง หรือทำให้เย็นก่อนค่อยนำมาเสิร์ฟ
การทํากาแฟเย็นนั้นตั้งต้นด้วยกาแฟร้อน รสชาติจึงไม่เหมือนกับNitroCoffeeแน่นอน เพราะว่า การสกัดกาแฟโดยใช้ความร้อน จะดึงเอา acidity ของเมล็ดกาแฟออกมา รสชาติที่ได้ก็จะเป็นรสชาติกาแฟสุดคลาสสิคที่หลายคนชื่นชอบ และคุ้นเคย
NitroCoffee(สกัดเย็น) กับกาแฟสกัดเย็น
เนื่องจากวิธีในการชงที่คล้ายกัน กาแฟสกัดเย็นนี้อาจจะมีความคล้ายกันอยู่บ้าง เราจะชงกาแฟ โดยใช้น้ำเย็นเป็นเวลาหลายชั่วโมงด้วยวิธีการที่แตกต่างกันออกไป กาแฟจะถูกสกัดอย่างช้าๆ เช่น การชงแบบ French Press รวมทั้งการแช่กาแฟหรือ CoffeeSock แน่นอนว่าไม่มีน้ำร้อนในกระบวนการเลย
การที่เราใช้น้ำเย็นจะไม่มีการดึง acidity ออกมา ทำให้รสชาติกาแฟของเราที่ได้มีความแตกต่างกัน เพราะ การชงกาแฟแบบร้อน ความร้อนนั้นจะดึงเอา acidity ของเมล็ดกาแฟออกมา
โดยสิ่งที่ดึงออกมาจะเป็นรสชาติที่เข้มข้นล้ำลึก และความนุ่มนวล โน้ตของกาแฟจะออกมากขึ้น เราจะได้รสชาติของถั่ว ช็อกโกแลต หรือแม้แต่วานิลลา โน้ตของกาแฟจะเผยออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน หรือกล่าวในอีกแง่ก็คือ การชงกาแฟแบบสกัดเย็น ไม่ว่าจะเป็นสกัดเย็นธรรมดา ไนโตรสกัดเย็น หรือการชงกาแฟโดยใช้น้ำเย็นจะช่วยดึงกลิ่น และรสของเมล็ดกาแฟออกมาได้มากกว่า
หลายคนที่ชอบดื่มกาแฟสกัดเย็น หรือกาแฟเย็นๆนี้ บางคนจะไม่ค่อยชอบดื่มกาแฟร้อน หรือกาแฟดำปกติสักเท่าไหร่นัก และหลายคนจะไม่มีการเติมสารให้ความหวานใดๆลงไป ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาล หรือนม เพราะโดยปกติแล้วน้ำตาล หรือนมจะสร้างความสมดุลระหว่างความขม และความเปรี้ยวในกาแฟร้อนปกติ ส่วนกาแฟสกัดเย็นจะมีความเป็นกรดที่น้อยกว่าตามธรรมชาติอยู่แล้ว และมีความขมที่น้อยกว่าดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นต้องเติมอะไรลงไปเพิ่ม
วิธีทำNitroCoffee
โดยปกติแล้วหากเราใช้น้ำเย็นในการชงกาแฟ จะสามารถดึงรสชาติที่นุ่มนวลของกาแฟออกมาได้ชัดเจนมากขึ้น และยังส่งผลกับรสชาติของกาแฟอีกด้วย
การชงNitroCoffeeนั้นโดยปกติเราจะใช้กระบวนการคล้าย กับการชงกาแฟสกัดเย็น โดยใช้น้ำเย็น จากนั้นเราก็แค่ทำการผสมแก๊สไนโตรเจนเข้าไป ก็จะเปลี่ยนรูปร่างลักษณะของกาแฟแล้ว และรสสัมผัสรวมทั้งรสชาติอีกด้วย
การชงกาแฟแบบไนโตรนี้จะทำให้จะทำให้เราสัมผัสได้ถึงความหวานของกาแฟมากขึ้น โดยที่เราไม่จำเป็นที่จะต้องใส่ครีม หรือน้ำตาลลงไปเพิ่ม ซึ่งมันจะไปลดคุณสมบัติบางอย่างให้มีความนุ่มมากขึ้น ก็คือ ลดความเป็น acidity และความขม แต่จะไปเพิ่มความนุ่มนวล และความเข้มข้นขึ้นแทน
แต่ว่าอย่างไรก็ตามก็มีร้านกาแฟบางแห่งทำให้NitroCoffeeธรรมดากลายเป็นของหวาน โดยการเพิ่มความหวานขึ้นไปอีก บางร้านถึงกับเสิร์ฟกาแฟนี้พร้อมกับไอศกรีม หรือในบางพื้นที่มีการเสิร์ฟNitroCoffee แล้วโปะด้วยครีมที่มีรสหวานอยู่ข้างบนลงไปด้วย
คาเฟอีนในNitroCoffeeสกัดเย็น
โดยปกติแล้ว การชงกาแฟสกัดเย็นจะดึงคาเฟอีนในกาแฟออกมาในปริมาณมากกว่าการชงกาแฟแบบร้อน หรือกาแฟชงปกติอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นกาแฟที่ใช้วิธีการชงแบบไนโตรนี้ ยิ่งดึงปริมาณของคาเฟอีนออกมามากเข้าไปอีก ยกตัวอย่างเช่น กาแฟเย็นแบบปกติของ Starbucks ที่มีปริมาณคาเฟอีนที่ 12.5 mg ต่อ 1 ออนซ์ แต่NitroCoffeeเย็นของ Starbucks ที่มีคาเฟอีนอยู่ที่ 17.5 มิลลิกรัมต่อ 1 ออนซ์ หากเปรียบเทียบก็นับว่าเป็นปริมาณคาเฟอีนที่ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว หรือกาแฟไนโตรแบบกระป๋องของ Stumptown ที่มีคาเฟอีนถึง 30 มิลลิกรัมต่อ 1 ออนซ์
หากคุณอยากที่จะลองดื่มNitroCoffee การดื่มเป็นครั้งคราวจึงเป็นตัวเลือกที่ดีอีกทางหนึ่ง เพราะว่า ควรได้รับคาเฟอีนเข้าสู่ร่างกายไม่เกิน 400 มิลลิกรัมต่อวัน ในผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพแข็งแรง
เมื่อไม่มีครีมกับน้ำตาล ดังนั้นจึงใช้เป็นทางเลือกสุขภาพได้หรือไม่
เพราะNitroCoffeeนั้นเป็นกาแฟสกัดเย็น มีลักษณะเป็นเนื้อครีม และมีความหวานตามธรรมชาติอยู่แล้ว อีกทั้งยังไม่มีการเติมแต่งสารให้ความหวานอื่นๆ และไม่มีไขมัน ดังนั้นจึงเป็นเครื่องดื่มที่ปราศจากแคลอรี และคาร์โบไฮเดรต
ประโยชน์ของการดื่มกาแฟ คือ มีส่วนในการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเผาผลาญพลังงาน ทำให้เราออกกำลังกายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งNitroCoffeeสกัดเย็น อาจจะใช้แทนเครื่องดื่มชูกำลังได้ในบางครั้ง เพราะ มีปริมาณคาเฟอีนที่เข้มข้น เพราะฉะนั้นไม่ควรที่จะดื่มบ่อย ในทางที่ดี การดื่มน้ำเปล่าก็น่าจะดีที่สุด ถ้าหากเราต้องการที่จะออกกำลังกาย
NitroCoffeeเป็นเครื่องดื่มที่น่าสนใจ และน่าหามาลองกันให้ได้มากเลย ด้วยความหวานโดยธรรมชาติ และความนุ่มละมุนเครื่องดื่มชนิดนี้ ทำให้คอกาแฟ โดยเฉพาะคอกาแฟสกัดเย็นน่าจะชอบกัน แต่ว่าก็ต้องระวังเรื่องคาเฟอีนกันด้วย