Disadvantages of Drinking Coffee

ข้อเสียของการดื่มกาแฟ (Disadvantages of Drinking Coffee) ที่อาจนึกไม่ถึง หลายๆคนคงจะมีกาแฟเป็นเครื่องดื่มในดวงใจ บางคนอาจะชื่นชอบการดื่มกาแฟจนเรียกได้ว่าเสพติดกาแฟ ทุกวันต้องได้ดื่มกาแฟ ถ้าวันไหนที่ไม่ได้ดื่มกาแฟนั้นจะรู้สึกว่าขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไป แต่รู้กันหรือไม่ว่านอกจากข้อดีของการดื่มกาแฟ การดื่มกาแฟก็ยังมีข้อเสียอีกด้วย จนบางทีอาจไม่คาดคิดถึงข้อเสียขอการดื่มกาแฟ และได้รับคาเฟอีนมากจนเกินไป

ข้อเสียของการดื่มกาแฟ

10 ข้อเสียของการดื่มกาแฟ ที่อาจส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพของคุณ

  1. โอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านม ผลจากการวิจัยศึกษาพบว่า ผู้หญิงที่ดื่มกาแฟมากเกินกว่าระดับคาเฟอีนที่ควรได้รับในแต่ละวัน มีโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านม และสามารถเกิดซีสต์ ได้มากกว่าคนทั่วไป 2-3 เท่า ดังนั้นปริมาณคาเฟอีนที่ควรได้รับ ไม่ควรเกิน 500 มิลลิกรัม
  2. ทำให้เด็กเติบโตผิดปกติ หรือแท้ง เมื่อคุณตั้งครรภ์ การดื่มกาแฟที่มากเกินจะทำให้ทารกที่อยู่ในท้องเกิดการเจริญเติบโตที่ผิดปกติ หรือเรียกกันอีกอย่างว่าเพิ่มโอกาสในการแท้งลูกสูงขึ้น ปริมาณคาเฟอีนที่มากจนเกินไปจะส่งผลกระทบต่ออวัยวะภายในของทารก
  3. ขัดขวางการดูดซึมแร่ธาตุ คาเฟอีนที่อยู่ในกาแฟนั้น สามารถขัดขวางการดูดซึมของแร่ธาตุบางชนิดที่จำเป็นต่อร่างกายของคนเรา เช่น เหล็ก สังกะสี และแคลเซียม เพราะฉะนั้นเด็กวัยกำลังเจริญเติบโต หรือผู้ที่ต้องการให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้อย่างเต็มที่ไม่ควรที่จะดื่มกาแฟ
  4. โอกาสเกิดโรคกระดูกพรุน คุณสมบัติบางอย่างของคาเฟอีน กระตุ้นให้เกิดการปัสสาวะเยอะขึ้น เมื่อเราดื่มกาแฟติดต่อกันเป็นเวลานาน ซึ่งจะทำให้ร่างกายของเราสูญเสียแคลเซียมไปกับการปัสสาวะ จนนำมาสู่ความเสี่ยงที่จะเป็นโรคกระดูกพรุนได้ เพราะฉะนั้นผู้สูงอายุที่มีโอกาสเกิดโรคกระดูกพรุนได้ง่าย ไม่ควรที่จะดื่มกาแฟในปริมาณมากเกินไป
  5. เกิดอาการประสาทหลอน การที่เราดื่มกาแฟมากจนเกินไป รวมกับที่เรามีเวลาพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือนอนหลับอย่างเต็มที่ อีกทั้งยังมีความเครียดสะสมจะทำให้อะดรีนาลีนในร่างกายของเรานั้น ถูกปล่อยออกมามากจนเกินไป เกินกว่าที่เราจะสามารถควบคุมได้จึงทำให้เกิดอาการประสาทหลอนได้
  6. นอนไม่หลับ เพราะว่าคาเฟอีนในกาแฟเป็นสารกระตุ้นการทำงานต่างๆของร่างกาย ถ้าได้รับปริมาณมากจนเกินไปอาจทำให้ร่างกายตื่นตัว และมีอาการนอนไม่หลับ ทำให้พักผ่อนน้อยลงในตอนกลางคืน หลังจากที่ร่างกายได้รับคาเฟอีนเป็นเวลา 10-12 ชั่วโมง จนสุดท้ายอาจจะทำให้เกิดภาวะนอนไม่หลับ (Insomnia)

จากการวิจัยที่ได้ตีพิมพ์ในวารสาร Nutrients เมื่อ พ.ศ. 2559 ในเดือนสิงหาคม ได้ศึกษาเกี่ยวกับการนอนหลับในผู้ใหญ่กับการบริโภคคาเฟอีน ซึ่งมีผู้เข้าร่วมการวิจัยทั้งหมด 80 คน การวิจัยพบว่า กลุ่มที่ดื่มกาแฟในปริมาณ เฉลี่ย 192 มิลลิกรัม ใช้เวลาพักผ่อนน้อยกว่ากลุ่มที่ดื่มกาแฟในปริมาณ เฉลี่ย 125.5 กรัม ซึ่งผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่าปริมาณของกาแฟที่ได้รับส่งผลต่อการนอนหลับ ยิ่งได้รับมากก็ยิ่งลดคุณภาพของการนอนหลับ

  1. มีอาการปวดหัว ภาวะพิษจากคาเฟอีน (Caffeine toxicity) เกิดจากการได้รับปริมาณคาเฟอีนมากจนเกินไป ซึ่งทำให้เส้นเลือดในสมองขยายตัว จนเกิดอาการคลื่นไส้ หรือปวดศรีษะได้ ดังนั้นจึงควรลดปริมาณลงให้เหมาะสม เพื่อให้ร่างกายชิน และปรับตัวได้ เกิดการปรับสมดุลของการทำงานของหลอดเลือด และหัวใจที่ปกติ
  2. ปัสสะวะบ่อย คาเฟอีนที่ได้รับจะไปกระตุ้นการทำงานของไต ทำให้ปวดปัสสาวะบ่อยๆ บางครั้งอาจจะปวดแบบฉับพลัน การปัสสาวะบ่อยอาจทำให้ร่างกายเสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำ หากไม่มีการดื่มน้ำทดแทน
  3. ความดันโลหิตสูง การดื่มกาแฟทำให้ความดันโลหิตสูง และถ้าหากเกิดความดันโลหิตสูงขึ้นแบบเรื้อรัง ก็จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน หรือที่เรียกกันว่า “หัวใจวาย”  อีกทั้งคาเฟอีนทำให้เกิดหลอดเลือดหดตัวส่งผลให้เลือดเลี้ยงหัวใจ และสมองไม่เต็มที่ ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองโดยอยากยิ่งในผู้ที่บริโภคคาเฟอีนเป็นประจำ
  4. รู้สึกวิตกกังกล การที่เราดื่มกาแฟเกินครั้งละ 400 มิลลิกรัม อาจทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอาการวิตกกังวลได้ และถ้าหากมีภาวะวิตกกังวล (Anxiety Disorders) อยู่แล้วการได้รับการกระตุ้นจากคาเฟอีนในปริมาณมาก จะทำให้การทำงานของสารเคมีในสมอง ที่ชื่อว่า อะดีโนซีน (Adenosine) ถูกปิดกั้นทำให้ร่างกายรู้สึกเหนื่อยล้า อีกทั้งกระตุ้นการทำงานของอะดรีนาลีน ทำให้ส่งผลต่อระบบหัวใจ และหลอดเลือด เมื่อสมดุลของสารเคมีเหล่านี้ ได้เปลี่ยนแปลงไป อาจทำให้เกิดอาการกระวนกระวาย และวิตกกังวลหลังจากดื่มกาแฟได้

ข้อควรระวัง ของการดื่มกาแฟ และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน

  1. ไม่ควรดื่มเกินวันละ 4 แก้ว เพราะอาจจะทำให้เกิดความรู้สึก กระวนกระวาย หงุดหงิด มีอาการปวดศรีษะ หัวใจเต้นรัว และเร็วกว่าปกติ อาจจะต้องกลั้นปัสสาวะบ่อยๆ กล้ามเนื้อกระตุก และในกลางคืนอาจจะมีอาการนอนไม่หลับ
  2. อย่างที่ได้พูดถึงไปว่ากาแฟลดการดูดซึมแร่ธาตุสำคัญบางชนิด เช่น แคลเซียม และนอกจากนี้ยังเพิ่มการขับออก ผ่านการปัสสาวะ ซึ่งส่งผลเสียต่อผู้ที่เป็นโรคกระดูกพรุน และผู้สูงอายุ เพราะ แคลเซียม เป็นแร่ธาตุที่สำคัญ มีส่วนช่วยให้กระดูกของเราแข็งแรง
  3. สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน หรือผู้มีภาวะก่อนเบาหวาน ต้องระวังเป็นอย่างมากที่จะดื่มกาแฟ และเครื่องดื่มมีคาเฟอีน เพราะว่า คาเฟอีน จะไปเพิ่มภาวะดื้ออินซูลิน ทำให้ร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินไม่ดี และส่งผลต่อการควบคุมน้ำตาลในเลือด
ดื่มกาแฟอย่างไรไม่อันตราย

แล้วเราควรดื่มกาแฟอย่างไร ? ถึงจะไม่เกิดอันตราย

  1. โดยปกติแล้วคนเราจะสามารถดื่มกาแฟ หรือได้รับคาเฟอีนในปริมาณ 200 มิลลิกรัม ต่อ 1 ครั้ง หรือ 400 มิลลิกรัม ใน 1 วัน 
  2. สำหรับผู้ที่ตั้งครรภ์ดื่มกาแฟ หรือได้รับคาเฟอีนไม่ควรเกิน วันละ 200 มิลลิกรัม เนื่องจากอาจจะเสี่ยงแท้งบุตร หรือเสี่ยงคลอดก่อนกำหนด อีกทั้งยังมีผลต่อน้ำหนักของทารกที่จะคลอดอีกด้วย
  3. ผู้หญิงที่อยู่ในวัยหมดประจำเดือนควรดื่มกาแฟ หรือได้รับคาเฟอีน ไม่เกิน 300 มิลลิกรัม เพราะ จะส่งผลให้ กระดูกสันหลังเสื่อมเร็ว หากได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอ และควรเสริมแคลเซียม วันละ 1,000 มิลลิกรัม
  4. ผู้ที่เป็นโรคกระดูกพรุนควรดื่มกาแฟ หรือได้รับคาเฟอีน ไม่เกิน 300 มิลลิกรัม และรับประทานอาหารเสริมที่มีแคลเซียม และอาหารที่มีแคลเซียม เป็นประจำ และควรเสริมแคลเซียม วันละ 1,200 มิลลิกรัม

หลังจากที่ได้อ่าน ข้อเสียของการดื่มกาแฟ ที่หลายๆคนอาจนึกไม่ถึง แล้วก็เกิดความคิดที่ว่า เราควรดื่มกาแฟอย่างไรล่ะถึงจะดี การดื่มกาแฟควรดื่มวันละ 1 ถึง 2 แก้ว ในหนึ่งวัน หรือมากสุดไม่ควรเกิน 4 แก้วในหนึ่งวัน และควรเลือกดื่มกาแฟดำ ที่ไม่มีน้ำตาล หรือใช้สารให้ความหวานแทน เลือกใช้นมสด แทนครีมเทียม ไม่ใส่วิปปิ้งครีมในกาแฟ อีกทั้งเรายังสามารถลดปริมาณคาเฟอีนที่เราจะได้รับ จากการลดขนาดของแก้วกาแฟให้เล็กลง เพียงเท่านี้คุณก็สามารถดื่มกาแฟให้เป็นประโยชน์ได้แล้ว

ที่มา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *