ข้อเสียของการดื่มกาแฟ (Disadvantages of Drinking Coffee) ที่อาจนึกไม่ถึง หลายๆคนคงจะมีกาแฟเป็นเครื่องดื่มในดวงใจ บางคนอาจะชื่นชอบการดื่มกาแฟจนเรียกได้ว่าเสพติดกาแฟ ทุกวันต้องได้ดื่มกาแฟ ถ้าวันไหนที่ไม่ได้ดื่มกาแฟนั้นจะรู้สึกว่าขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไป แต่รู้กันหรือไม่ว่านอกจากข้อดีของการดื่มกาแฟ การดื่มกาแฟก็ยังมีข้อเสียอีกด้วย จนบางทีอาจไม่คาดคิดถึงข้อเสียขอการดื่มกาแฟ และได้รับคาเฟอีนมากจนเกินไป
10 ข้อเสียของการดื่มกาแฟ ที่อาจส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพของคุณ
- โอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านม ผลจากการวิจัยศึกษาพบว่า ผู้หญิงที่ดื่มกาแฟมากเกินกว่าระดับคาเฟอีนที่ควรได้รับในแต่ละวัน มีโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านม และสามารถเกิดซีสต์ ได้มากกว่าคนทั่วไป 2-3 เท่า ดังนั้นปริมาณคาเฟอีนที่ควรได้รับ ไม่ควรเกิน 500 มิลลิกรัม
- ทำให้เด็กเติบโตผิดปกติ หรือแท้ง เมื่อคุณตั้งครรภ์ การดื่มกาแฟที่มากเกินจะทำให้ทารกที่อยู่ในท้องเกิดการเจริญเติบโตที่ผิดปกติ หรือเรียกกันอีกอย่างว่าเพิ่มโอกาสในการแท้งลูกสูงขึ้น ปริมาณคาเฟอีนที่มากจนเกินไปจะส่งผลกระทบต่ออวัยวะภายในของทารก
- ขัดขวางการดูดซึมแร่ธาตุ คาเฟอีนที่อยู่ในกาแฟนั้น สามารถขัดขวางการดูดซึมของแร่ธาตุบางชนิดที่จำเป็นต่อร่างกายของคนเรา เช่น เหล็ก สังกะสี และแคลเซียม เพราะฉะนั้นเด็กวัยกำลังเจริญเติบโต หรือผู้ที่ต้องการให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้อย่างเต็มที่ไม่ควรที่จะดื่มกาแฟ
- โอกาสเกิดโรคกระดูกพรุน คุณสมบัติบางอย่างของคาเฟอีน กระตุ้นให้เกิดการปัสสาวะเยอะขึ้น เมื่อเราดื่มกาแฟติดต่อกันเป็นเวลานาน ซึ่งจะทำให้ร่างกายของเราสูญเสียแคลเซียมไปกับการปัสสาวะ จนนำมาสู่ความเสี่ยงที่จะเป็นโรคกระดูกพรุนได้ เพราะฉะนั้นผู้สูงอายุที่มีโอกาสเกิดโรคกระดูกพรุนได้ง่าย ไม่ควรที่จะดื่มกาแฟในปริมาณมากเกินไป
- เกิดอาการประสาทหลอน การที่เราดื่มกาแฟมากจนเกินไป รวมกับที่เรามีเวลาพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือนอนหลับอย่างเต็มที่ อีกทั้งยังมีความเครียดสะสมจะทำให้อะดรีนาลีนในร่างกายของเรานั้น ถูกปล่อยออกมามากจนเกินไป เกินกว่าที่เราจะสามารถควบคุมได้จึงทำให้เกิดอาการประสาทหลอนได้
- นอนไม่หลับ เพราะว่าคาเฟอีนในกาแฟเป็นสารกระตุ้นการทำงานต่างๆของร่างกาย ถ้าได้รับปริมาณมากจนเกินไปอาจทำให้ร่างกายตื่นตัว และมีอาการนอนไม่หลับ ทำให้พักผ่อนน้อยลงในตอนกลางคืน หลังจากที่ร่างกายได้รับคาเฟอีนเป็นเวลา 10-12 ชั่วโมง จนสุดท้ายอาจจะทำให้เกิดภาวะนอนไม่หลับ (Insomnia)
จากการวิจัยที่ได้ตีพิมพ์ในวารสาร Nutrients เมื่อ พ.ศ. 2559 ในเดือนสิงหาคม ได้ศึกษาเกี่ยวกับการนอนหลับในผู้ใหญ่กับการบริโภคคาเฟอีน ซึ่งมีผู้เข้าร่วมการวิจัยทั้งหมด 80 คน การวิจัยพบว่า กลุ่มที่ดื่มกาแฟในปริมาณ เฉลี่ย 192 มิลลิกรัม ใช้เวลาพักผ่อนน้อยกว่ากลุ่มที่ดื่มกาแฟในปริมาณ เฉลี่ย 125.5 กรัม ซึ่งผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่าปริมาณของกาแฟที่ได้รับส่งผลต่อการนอนหลับ ยิ่งได้รับมากก็ยิ่งลดคุณภาพของการนอนหลับ
- มีอาการปวดหัว ภาวะพิษจากคาเฟอีน (Caffeine toxicity) เกิดจากการได้รับปริมาณคาเฟอีนมากจนเกินไป ซึ่งทำให้เส้นเลือดในสมองขยายตัว จนเกิดอาการคลื่นไส้ หรือปวดศรีษะได้ ดังนั้นจึงควรลดปริมาณลงให้เหมาะสม เพื่อให้ร่างกายชิน และปรับตัวได้ เกิดการปรับสมดุลของการทำงานของหลอดเลือด และหัวใจที่ปกติ
- ปัสสะวะบ่อย คาเฟอีนที่ได้รับจะไปกระตุ้นการทำงานของไต ทำให้ปวดปัสสาวะบ่อยๆ บางครั้งอาจจะปวดแบบฉับพลัน การปัสสาวะบ่อยอาจทำให้ร่างกายเสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำ หากไม่มีการดื่มน้ำทดแทน
- ความดันโลหิตสูง การดื่มกาแฟทำให้ความดันโลหิตสูง และถ้าหากเกิดความดันโลหิตสูงขึ้นแบบเรื้อรัง ก็จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน หรือที่เรียกกันว่า “หัวใจวาย” อีกทั้งคาเฟอีนทำให้เกิดหลอดเลือดหดตัวส่งผลให้เลือดเลี้ยงหัวใจ และสมองไม่เต็มที่ ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองโดยอยากยิ่งในผู้ที่บริโภคคาเฟอีนเป็นประจำ
- รู้สึกวิตกกังกล การที่เราดื่มกาแฟเกินครั้งละ 400 มิลลิกรัม อาจทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอาการวิตกกังวลได้ และถ้าหากมีภาวะวิตกกังวล (Anxiety Disorders) อยู่แล้วการได้รับการกระตุ้นจากคาเฟอีนในปริมาณมาก จะทำให้การทำงานของสารเคมีในสมอง ที่ชื่อว่า อะดีโนซีน (Adenosine) ถูกปิดกั้นทำให้ร่างกายรู้สึกเหนื่อยล้า อีกทั้งกระตุ้นการทำงานของอะดรีนาลีน ทำให้ส่งผลต่อระบบหัวใจ และหลอดเลือด เมื่อสมดุลของสารเคมีเหล่านี้ ได้เปลี่ยนแปลงไป อาจทำให้เกิดอาการกระวนกระวาย และวิตกกังวลหลังจากดื่มกาแฟได้
ข้อควรระวัง ของการดื่มกาแฟ และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
- ไม่ควรดื่มเกินวันละ 4 แก้ว เพราะอาจจะทำให้เกิดความรู้สึก กระวนกระวาย หงุดหงิด มีอาการปวดศรีษะ หัวใจเต้นรัว และเร็วกว่าปกติ อาจจะต้องกลั้นปัสสาวะบ่อยๆ กล้ามเนื้อกระตุก และในกลางคืนอาจจะมีอาการนอนไม่หลับ
- อย่างที่ได้พูดถึงไปว่ากาแฟลดการดูดซึมแร่ธาตุสำคัญบางชนิด เช่น แคลเซียม และนอกจากนี้ยังเพิ่มการขับออก ผ่านการปัสสาวะ ซึ่งส่งผลเสียต่อผู้ที่เป็นโรคกระดูกพรุน และผู้สูงอายุ เพราะ แคลเซียม เป็นแร่ธาตุที่สำคัญ มีส่วนช่วยให้กระดูกของเราแข็งแรง
- สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน หรือผู้มีภาวะก่อนเบาหวาน ต้องระวังเป็นอย่างมากที่จะดื่มกาแฟ และเครื่องดื่มมีคาเฟอีน เพราะว่า คาเฟอีน จะไปเพิ่มภาวะดื้ออินซูลิน ทำให้ร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินไม่ดี และส่งผลต่อการควบคุมน้ำตาลในเลือด
แล้วเราควรดื่มกาแฟอย่างไร ? ถึงจะไม่เกิดอันตราย
- โดยปกติแล้วคนเราจะสามารถดื่มกาแฟ หรือได้รับคาเฟอีนในปริมาณ 200 มิลลิกรัม ต่อ 1 ครั้ง หรือ 400 มิลลิกรัม ใน 1 วัน
- สำหรับผู้ที่ตั้งครรภ์ดื่มกาแฟ หรือได้รับคาเฟอีนไม่ควรเกิน วันละ 200 มิลลิกรัม เนื่องจากอาจจะเสี่ยงแท้งบุตร หรือเสี่ยงคลอดก่อนกำหนด อีกทั้งยังมีผลต่อน้ำหนักของทารกที่จะคลอดอีกด้วย
- ผู้หญิงที่อยู่ในวัยหมดประจำเดือนควรดื่มกาแฟ หรือได้รับคาเฟอีน ไม่เกิน 300 มิลลิกรัม เพราะ จะส่งผลให้ กระดูกสันหลังเสื่อมเร็ว หากได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอ และควรเสริมแคลเซียม วันละ 1,000 มิลลิกรัม
- ผู้ที่เป็นโรคกระดูกพรุนควรดื่มกาแฟ หรือได้รับคาเฟอีน ไม่เกิน 300 มิลลิกรัม และรับประทานอาหารเสริมที่มีแคลเซียม และอาหารที่มีแคลเซียม เป็นประจำ และควรเสริมแคลเซียม วันละ 1,200 มิลลิกรัม
หลังจากที่ได้อ่าน ข้อเสียของการดื่มกาแฟ ที่หลายๆคนอาจนึกไม่ถึง แล้วก็เกิดความคิดที่ว่า เราควรดื่มกาแฟอย่างไรล่ะถึงจะดี การดื่มกาแฟควรดื่มวันละ 1 ถึง 2 แก้ว ในหนึ่งวัน หรือมากสุดไม่ควรเกิน 4 แก้วในหนึ่งวัน และควรเลือกดื่มกาแฟดำ ที่ไม่มีน้ำตาล หรือใช้สารให้ความหวานแทน เลือกใช้นมสด แทนครีมเทียม ไม่ใส่วิปปิ้งครีมในกาแฟ อีกทั้งเรายังสามารถลดปริมาณคาเฟอีนที่เราจะได้รับ จากการลดขนาดของแก้วกาแฟให้เล็กลง เพียงเท่านี้คุณก็สามารถดื่มกาแฟให้เป็นประโยชน์ได้แล้ว