กาแฟขี้ช้าง (Black Ivory Coffee) หลายคนอาจจะไม่ค่อยคุ้นหูกันนัก ถ้าพูดถึงกาแฟที่มีราคาแพงที่หลายคนนึกถึง อาจจะพูดชื่อกาแฟขี้ชะมดจากอินโดเนเซียมากกว่า
แต่ว่าวันนี้มีกาแฟจากมูลสัตว์อีกชนิดหนึ่งที่เริ่มโด่งดังขึ้นมาก็คือ กาแฟจากขี้ช้างที่ขายกันอยู่กิโลกรัมละ 80,000 บาท จากประเทศไทยของเรา ซึ่งราคาต่อกิโลกรัมแพงกว่ากาแฟขี้ชะมดที่เคยได้ยินเสียอีก ถ้าหากอยากลองดื่มกาแฟจากขี้ช้าง ก็ราคาอยู่ที่แก้วละ 1,200-1,500 บาท
เพราะอะไรกาแฟขี้ช้าง ถึงมีราคาสูงขนาดนี้?
ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 20 ปีก่อน หรือประมาณ ปี พ.ศ. 2545 จุดเริ่มต้นของกาแฟจากขี้ช้างเกิดขึ้นในประเทศไทย โดยชาวแคนาดา ชื่อว่า เบลค ดินคิน (Blake Dinkin) ที่ได้เข้ามาใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทย
จากการศึกษาค้นคว้ากว่าเวลานับ 10 ปี โดยให้ช้างเด็กในมูลนิธิของช้างเอเชีย สามเหลี่ยมทองคำที่โรงแรมอนันตนา ในจังหวัดเชียงราย เริ่มกินผลเชอร์รี่กาแฟ จากนั้นก็รอให้ช้างขับถ่ายออกมาจนกลายเป็นสินค้า และได้ตั้งชื่อเเบรนด์เมล็ดกาแฟนี้ว่า “BlackIvoryCoffee”
ถือได้ว่ากาแฟจากขี้ช้างนี้มีจุดเริ่มต้นที่ประเทศไทย และแบรนด์กาแฟจากขี้ช้างจากไทยนี้ ก็ได้เป็นที่รู้จักในหมู่คอกาแฟ และเริ่มโด่งดังไปในระดับโลก
กว่าจะมาเป็นกาแฟจากขี้ช้างมีกรรมวิธีอย่างไร?
เริ่มต้นจากการคัดผลเชอร์รี่กาแฟที่เป็นสายพันธุ์อาราบิก้าของไทยจากพื้นที่ปลูกระดับความสูง 1,500 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล และส่งต่อมายังฟาร์มช้างนี้ โดยแต่ละครอบครัวที่เลี้ยงช้างจะผสมเชอร์รี่กาแฟลงไปกับอาหารของช้าง เพื่อให้ช้างได้กินทั้งเชอร์รี่กาแฟ แต่ยังคงรักษาสารอาหาร และโภชนการจากอาหารที่ช้างจะได้ประโยชน์ เช่น มะขาม กล้วย กากน้ำตาล และรำข้าว จะถูกหมักทิ้งไว้ประมาณ 3 ชั่วโมง ก่อนจะนำไปให้ช้างกิน
และเมื่อช้างกินอาหารที่ผสมนี้เข้าไป ก็จะเกิดกระบวนการย่อยอาหารโดยที่เอนไซม์ในกระเพาะอาหารของช้าง จะทำการย่อยโปรตีนของผลเชอร์รี่กาแฟที่มีคุณสมบัติเป็นรสชาติขม เมื่อโปรตีนในเชอร์รี่กาแฟเล็กลงจึงทำให้เมล็ดกาแฟนั้นมีรสชาติขมน้อยลงมาตาม และทำให้เกิดกาแฟที่มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ออกมา
โดยปกติแล้วกระบวนการย่อยอาหารของช้าง จะใช้เวลาอยู่ที่ประมาณ12-72ชั่วโมง ซึ่งขึ้นอยู่กับปริมาณอาหารทั้งหมดในกระเพาะของช้าง และเมื่อถึงเวลาขับถ่ายแล้วสิ่งที่ช้างกินเข้าไปก็จะถูกขับถ่ายออกมา
จากนั้นควาญช้างจะนำก้อนมูลช้างที่เก็บมาได้ ไปตากแดดให้แห้งเสียก่อน ก่อนจะทำการคัดแยกเมล็ดกาแฟที่มีลักษณะสมบูรณ์ เต็มเมล็ดออกมา และนำไปทำความสะอาดด้วยน้ำสะอาดต่อ แล้วค่อยนำไปผ่านกระบวนการอื่นๆต่อ ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลเลยว่ากาแฟที่ได้ออกมาจะไม่สะอาด และไม่มีคุณภาพ
หลังจากที่ล้างเมล็ด และทำความสะอาดเสร็จแล้ว ก็ถึงกระบวนการที่จะนำเมล็ดกาแฟไปตากแดดให้แห้ง และทำการบรรจุลงหีบห่อต่อไป เท่านี้เราก็จะได้กาแฟจากขี้ช้างที่สามารถนำไปคั่ว บด และเสิร์ฟเป็นถ้วยออกมาให้เราได้ดื่มกัน
ราคาของกาแฟจากขี้ช้างนี้ ขายกันที่ราคาเท่าไหร่ ?
อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ PassionBuz ในปี 2022 ได้บอกไว้ว่า “กาแฟที่มีราคาแพงที่สุดในโลกก็คือ กาแฟจากขี้ช้าง หรือ Black Ivory Coffee” จากประเทศไทยโดยที่ราคาประมาณ 80,000 บาท ต่อ 1 กิโลกรัม และมักจะวางขายกันแค่ในโรงแรมระดับ 5 ดาว เทียบกับกาแฟขี้ชะมดที่โด่งดังเป็นที่รู้จักจากอินโดนีเซีย ราคาอยู่ที่ประมาณกิโลกรัมละ 13,000 บาท
โดยปกติแล้วจะต้องใช้ผลเชอร์รี่กาแฟ ประมาณ 33 กิโลกรัม ถึงจะได้กาแฟจากขี้ช้าง 1 กิโลกรัม เพราะ บางเมล็ดที่โดนช้างเคี้ยวไปก็จะทำการคัดออก ซึ่งโดยรวมในแต่ละปีจะได้กาแฟจากขี้ช้าง ประมาณ 200 กิโลกรัมเท่านั้น
อีกหนึ่งสิ่งที่ควรรู้ก็คือ ไม่ใช่ช้างทุกตัวที่จะสามารถกินอาหารที่ผสมกาแฟเชอร์รี่ และผลิตกาแฟจากขี้ช้างได้ ถ้าควาญช้างสังเกตแล้วว่า ช้างตัวไหนที่นิสัยเคี้ยวอาหารก่อนกลืน ควาญช้าง ก็จะไม่นำผลเชอร์รี่กาแฟผสมลงไปในอาหารให้ช้างตัวนั้นกิน เพราะ จะทำให้ช้างได้รับคาเฟอีนมากเกินไปจนช้างเกิดอันตราย ดังนั้นควาญช้างก็มักจะผสมผลเชอร์รี่ลงไปในอาหารของช้างที่มีนิสัยกลืนอาหารลงไปทีเดียวมากกว่า
ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้ หลายๆคนก็คงเริ่มสงสัยแล้วว่าธุรกิจนี้จะเป็นการทารุณช้างหรือไม่?
ต้องบอกก่อนว่าแต่ละครั้งที่ได้ผลผลิตออกมา ไม่ได้เป็นการบังคับให้ช้างกินอาหารที่ผสมกับผลเชอร์รี่กาแฟจนเกิดผลกระทบกับพฤติกรรมการกิรของช้าง แต่จะเป็นการรอให้ช้างกินผลเชอร์รี่กาแฟด้วยตัวของช้างเอง และมีควาญช้าง เป็นผู้สังเกตเสมอว่าช้างได้กินอะไรเข้าไปบ้าง และขับถ่ายออกมาตอนไหน
ในความเป็นจริงแล้วช้างก็ไม่ได้ต่างจากคน ช้างแต่ละตัวก็มีความชอบเป็นของตัวเอง ทำให้จะมีสูตรอาหารที่ตัวเองชื่นชอบอยู่แล้ว ซึ่งเมล็ดกาแฟ หรือผลผลิตที่ได้จึงไม่ได้เป็นการบังคับช้างให้กินเข้าไปแต่อย่างใด
และนอกจากกระบวนการคัดเลือกช้างที่กินอาหารเฉพาะแบบกลืนแล้ว ยังมีการตรวจสุขภาพช้าง และตรวจเลือดของช้าง ในทุกๆระยะเวลาครบ 3 เดือนอีกด้วย เพื่อป้องกัน และไม่ให้มีผลกระทบกับช้างเหล่านี้
นอกจากนั้นแล้วกาแฟจากขี้ช้างยังถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ถูกทำขึ้นมา เพื่อส่งเสริมโครงการอนุรักษ์ช้างไทย รายได้บางส่วน จากการขายกาแฟได้จะถูกส่งคืนกลับเข้าสู่มูลนิธิ และชุมชนที่เลี้ยงช้างอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวควาญช้าง รวมทั้งส่งไปจนถึงนักเรียนในโรงเรียนท้องถิ่น
สรุปแล้วสิ่งที่ทำให้กาแฟจากขี้ช้างมีราคาสูงขนาดนี้ ก็เพราะว่ากรรมวิธีในการผลิตที่ซับซ้อน มีความพิถีพิถัน ทำให้เป็นกาแฟที่หายากมาก
มาปิดท้ายกันด้วยกาแฟจากขี้ช้างมีรสชาติ และกลิ่นแบบไหน? จากผู้ที่เคยได้ลองชิมมาแล้ว กาแฟจากขี้ช้างมีรสชาติที่นุ่มนวล กลิ่นคล้าย มอลต์ ช็อกโกแลต ผสมกับเครื่องเทศ และกลิ่นหญ้า และยังไม่มีรสขมเหมือนกาแฟทั่วๆไป