การคั่วกาแฟ (Roasted Coffee) มีหลายระดับ ซึ่งอย่างที่รู้กันว่า ระดับการคั่วกาแฟนั้น ส่งผลให้กาแฟของเรามีความแตกต่างกันออกไป ทั้งเรื่องของกลิ่น รสชาติ และปริมาณคาเฟอีนที่เราจะได้รับจากกาแฟนั้น ๆ รวมทั้งยังมีเรื่องอื่น ๆ อีกด้วย
ถ้าหากเราต้องการที่จะทำความเข้าใจ ในเรื่องของกาแฟนั้นอย่างจริงจัง การที่รู้ถึงระดับของการคั่วกาแฟ ที่เหมาะสมกับเรา ก็คือสิ่งหนึ่งที่คุณอาจจะไม่เคยรู้เกี่ยวกับกาแฟแต่ละแบบ มาดูกันว่า เรื่องที่เราควรจะรู้เกี่ยวกับคั่วกาแฟ มีอะไรกันบ้าง
กาแฟคั่วอ่อนจะมีปริมาณคาเฟอีนมากกว่าคั่วเข้มอยู่เล็กน้อย
ซึ่งสิ่งนี้อาจจะดูตรงข้ามกับความเป็นจริงอยู่ แต่มันกลับเป็นความจริงที่หลายคนมีความเชื่อว่าคั่วเข้มจะต้องมีคาเฟอีนสูงกว่ากคั่วอ่อน แต่ในที่จริงแล้วคั่วอ่อนนี่แหละที่มีปริมาณคาเฟอีนสูงกว่า แต่อย่างไรก็ตามก็มีปริมาณคาเฟอีนที่สูงกว่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
การคั่วกาแฟแบบคั่วอ่อนนั้นดีที่สุด หากเราต้องการลิ้มรสของกาแฟที่หลากหลาย
เป็นเรื่องที่รู้กันอยู่แล้วว่าภายในเมล็ดกาแฟนั้นมีสารต่างๆ และกลิ่นอยู่กว่า 800 ชนิด ดังนั้นการคั่วกาแฟแบบคั่วอ่อนจะทำให้เราสามารถที่จะรับรู้ และถึงสัมผัสรสชาติ และความเป็นธรรมชาติ ทั้งหมดของกาแฟได้
การคั่วกาแฟแบบคั่วเข้มของบางเจ้า มักจะเป็นกาแฟราคาถูก และคุณภาพต่ำ
หลายครั้งที่เรามักจะซื้อกคั่วเข้ม และนี่แหละเป็นวิธีการหนึ่ง และเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะปกปิดรสชาติที่ไม่สมบูรณ์แบบของกาแฟนั้นๆ โดยปล่อยให้ความขมกลบตำหนินั้น ทั้งยังเพิ่มกลิ่นความไหม้เกรียมให้กับกาแฟของคุณอีกด้วย บริษัทที่ผลิตกาแฟหลายแห่ง เลือกที่จะใช้วิธีการนี้ในการจัดการกับเมล็ดกาแฟที่ไม่ได้คุณภาพ
การแปรรูปกาแฟ
แรกเริ่มนั้น กาแฟก็เป็นเหมือนกับผลไม้ชนิดหนึ่ง ที่มีความต่างกันออกไป ซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ดิน สภาพอากาศที่กาแฟนั้นเจริญเติบโต ระดับความสูงที่ใช้ในการปลูก ดิน ต รวมทั้งวิธีการแปรรูปของกาแฟด้วย สิ่งเหล่านี้ ล้วนส่งผลต่อคุณภาพของกาแฟ ระดับความล้ำลึกของรสชาติ และรสชาติของเมล็ดกาแฟของอย่างมาก
มีมากกว่า 50 ประเทศที่ผลิตกาแฟ และในแต่ละภูมิภาค หรือประเทศต่าง ๆ ก็มีปัจจัยที่แตกต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งนั่นหมายความว่า คุณจะได้ชิมกาแฟที่รสชาติไม่ซ้ำกันเลย ดังนั้น จึงอยากแนะนำให้คุณได้ลองดื่มกาแฟที่เป็นแบบ Single Origin น่าจะเป็นการดีที่สุด
การแปรรูปกาแฟ จะถูกคั่วที่ อุณหภูมิโดยประมาณ 356-440 องศาฟาเรนไฮต์ หลังจากส่งเมล็ดกาแฟเหล่านั้นไปยังโรงคั่วกาแฟ ขึ้นอยู่กับนักคั่วกาแฟ ว่าต้องการกาแฟแบบไหน ต้องการคั่วอ่อน คั่วกลาง หรือคั่วเข้ม
โดยปกติแล้ว นักคั่วกาแฟ จะเริ่มต้นด้วยการทดลองคั่วกาแฟเหล่านั้น ในระดับต่าง ๆ ก่อน ตั้งแต่การคั่วอ่อน ไปถึงการคั่วเข้ม เพื่อที่จะค้นหาว่า เมล็ดกาแฟจากแต่ละชนิด การคั่วระดับใด จะดึงรสชาติโดยรวมที่ดีที่สุดของกาแฟตัวนั้นออกมา ซึ่งกาแฟแต่ละชนิด แต่ละสายพันธุ์ ก็จำเป็นที่จะต้องใช้ลักษณะ หรือระดับการคั่ว และเวลาในการคั่วที่แตกต่างกันออกไป เพื่อที่จะดึงเอารสชาติที่สมบูรณ์ที่สุดออกมา ดังนั้น นักคั่วกาแฟที่ดีจะต้องอาศัยความแม่นยำ และความพิถีพิถันในการคั่วกาแฟเป็นอย่างมาก