คาเฟ่โอเล่ต์ (Café Au Lait) ก็อาจจะเป็นเครื่องดื่มชนิดหนึ่ง ที่เราสามารถพบได้ในร้านกาแฟ เมนูกาแฟนี้ มีอยู่ทั่วทุกมุมโลก แต่ละที่ก็อาจจะมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันออกไป แต่ว่ายังคงเป็นหนึ่งในเนูกาแฟนม ที่หลาย ๆ คนยังคงเข้าใจผิดกันอยู่ วันนี้ เราจะมาทำความรู้จักให้มากขึ้นกัน

เมนูในร้านกาแฟหลาย ๆ ร้าน เราก็อาจจะมองเห็นชื่อเมนูกาแฟนมหลายชนิด ซึ่งเป็นชื่อที่เรามักจะคุ้นเคย หรือเห็นกันจนชินตาไปแล้ว ที่สำคัญส่วนมากจะหาดื่มได้ในร้านกาแฟเท่านั้น ในกรณีที่บางบ้านไม่มีเครื่องชงเอสเพรสโซ และก้านสตีมนมสำหรับทำโฟมนม

คาเฟ่โอเล่ต์ เครื่องดื่มที่มีมากกว่าชื่อเดียว 

คำว่า Café Au Lait มาจากภาษาฝรั่งเศส แปลตรงตัวได้ว่า “กาแฟกับนม” ในทวีปยุโรปนั้น คาเฟ่ โอเล่ต์ จะทำโดยการเติมนมสตีมลงในเอสเพรสโซช็อต ในอัตราส่วนที่เท่ากัน ( 1:1 )และอาจใช้โฟมนมเพียงเล็กน้อย หรืออาจจะไม่ใช้เลยก็ได้ 

แต่ในประเทศสหรัฐอเมริกา มักจะทำเครื่องดื่มชนิดนี้โดยการใช้นมสตีม แทนที่จะราดลงไปบนช็อตเอสเพรสโซโดยตรง แต่กลับใช้กาแฟฟิลเตอร์แทน 

คาเฟ่ โอเล่ต์ มักจะเสิร์ฟกันในแก้วขนาดใหญ่ มักจะดื่มคู่กับบิสกิต หรือคุกกี้ โดยการจุ่มคุกกี้หรือบิสกิต ลงไปในแก้วกาแฟ มักจะดื่มกันเป็นอาหารว่าง หรือเครื่องดื่มยามเช้า 

อันที่จริงแล้ว เมนูกาแฟชนิดชนิดนี้สามารถหาดื่มได้ทั่วไป แต่ในแต่ละประเทศ ก็จะเรียกแตกต่างกันไป อย่างในประเทศโปแลนด์จะเรียกเครื่องดื่มชนิดนี้ว่า kawa biala ในประเทศเยอรมันเรียกว่า milchkaffee ในประเทศฮังการีเรียกว่า tejeskávé และในประเทศเนเธอร์แลนด์ (ภาษาดัตช์) จะเรียกว่า koffie verkeerd (มีความหมายว่า “wrong coffee” เพราะว่า โดยปกติชาวดัตช์มักจะดื่มกาแฟ ที่ใส่นมน้อยมาก ๆ) และสุดท้าย ในประเทศบราซิลเรียกเครื่องดื่มชนิดนี้ว่า café com leite

นอกจากนี้แล้ว ยังมีเมนูกาแฟอีกหลายเมนูที่ใช้ส่วนผสมเหมือนกัน แต่จะมีวิธีการชงที่แตกต่างกันออกไป อย่างเช่นเช่น ในประเทศสเปนมีเครื่องดื่ม ที่เรียกว่า café con leche ที่จะนำนมไปต้มในหม้อ แทนที่จะใช้นมสตีม หรือในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีเครื่องดื่ม café renversé ที่จะนำเอสเพรสโซลงไปใส่ในนม แทนที่จะนำนมมาใส่ในเอสเพรสโซ

แล้วแบบไหนถึงจะเป็น คาเฟ่ โอเล่ต์ ?

คาเฟ่ โอเล่ต์มีความแตกต่างจาก Latte และ Flat White ซึ่งผู้คนส่วนมาก หรือคนที่ชอบดื่มกาแฟ แต่ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญ มักจะเข้าใจผิดกับเมนูกาแฟ 3 แบบนี้ 

โดยสรุปง่าย ๆ คือ เมนูกาแฟแต่ละแบบก็จะมีจุดเด่น หรือเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไป ถ้าหากคุณชอบโฟมนม ให้เลือกดื่ม Cappuccino แต่ถ้าหากอยากได้ความเข้มข้น ให้เลือก Flat White แต่หากอยากได้ความเป็นนมมาก ดื่มง่ายหน่อย ก็ให้เลือก Latte แต่หากอยากได้ กาแฟที่รสชาติตรงกลางของทั้ง 3 เมนูให้เลือก คาเฟ่โอเล่ต์

ร้านกาแฟหลายแห่ง ยกตัวอย่างเช่น Starbucks เรียก คาเฟ่ โอเล่ต์ ว่า “Caffe Misto” ซึ่งเป็นเหมือนเมนูกาแฟนมนี่แหละ แต่จะใช้นมในปริมาณที่น้อย และจะเติมไซรัปลงไปด้วย ให้มีรสชาติหวาน ทำให้ดื่มง่ายขึ้น  

ที่สำคัญที่ควรรู้อีกอย่างหนึ่ง็คือ คาเฟ่ โอเล่ต์ ต้องใช้นมสตีม หรือนมต้มในการทำ จะไม่ใช้นมเย็นหรือนมปกติเด็ดขาด เพราะว่า นมสตีมหรือนมต้ม จะได้รับความร้อน และ เกิดกระบวนการ caramelized ซึ่งจะทำให้แลคโตสมีรสหวานมากขึ้น และมีความครีมมี่มากขึ้นด้วย แต่ก็แล้วแต่ว่าร้านไหนจะชงโดยใช้นมแบบไหน ถ้าอยากให้เป็น คาเฟ่ โอเล่ต์ แบบต้นตำรับของชาวฝรั่งเศส ก็ต้องเลือกใช้นมต้ม 

เนื่องจากคาเฟ่ โอเล่ต์ ได้มีการดัดแปลงกันไปหลากหลายรูปแบบ ในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก ไม่ใช่แค่เฉพาะชื่อที่แตกต่างกัน 

แต่ว่าจากเมนูที่ถูกดัดแปลงทั้งหมดนี้ จะมีอยู่แบบหนึ่งที่มีความพิเศษมาก ต่างจากแบบอื่น เป็นเมนูกาแฟจากนิวออลีนส์ จากร้าน Café du Monde ซึ่งเป็นร้านกาแฟที่อยู่ในย่านฝรั่งเศสของเมือง Café Au Lait ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังมามากกว่า 150 ปี โดยสูตรเฉพาะของที่นี่จะทำการใส่รากชิโครี่เข้าไปในกาแฟด้วย เพื่อสร้างรสชาติที่เข้มข้น และความขมเพิ่มขึ้นมา พร้อมกับเพิ่ม mouthfeel กลายเป็นเครื่องดื่มที่ยอดเยี่ยม 

เครื่องดื่มของที่นี่ถูกสร้างขึ้นในสมัยสงครามกลางเมืองในประเทศสหรัฐอเมริกา ทำให้ในช่วงนี้เป็นช่วงที่ขาดแคลนกาแฟมาก ๆ เวลาที่ชงกาแฟจึงมักจะผสมรากชิโครี่ลงไปด้วย นอกจากจะเป็นการลดต้นทุนด้วยแล้ว ยังเป็นการยืดอายุของกาแฟให้ยาวนานมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย และยังทำให้รสชาติของกาแฟเข้มข้นขึ้นอีกด้วย 

ในช่วงเวลานั้น ร้านกาแฟมีเมนูกาแฟ คาเฟ่ โอเล่ต์ จะเสิร์ฟกาแฟพร้อมกับ Beignets ที่เป็นขนมปังแบบฝรั่งเศสชุบแป้งทอด แล้วเคลือบด้วยน้ำตาล ซึ่งเข้ากันมาก ๆ กับรสชาติของกาแฟ

คาเฟ่ โอเล่ต์ จะสามารถกลายมาเป็นเครื่องดื่มกระแสหลักได้หรือไม่

ในปัจจุบันนี้ มีความเข้าใจที่แตกต่างกัน และค่อนข้างคลาดเคลื่อนกันอยู่มากกับเครื่องดื่มชนิดนี้ ในแง่ของผู้บริโภคทั่ว ๆ ไป เนื่องจากวิธีการทำเมนูกาแฟชนิดนี้แตกต่างกันในแต่ละที่ และแต่ละประเทศ ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่น หากสั่งเมนู คาเฟ่ โอเล่ต์ เดียวกันนี้ในประเทศฝรั่งเศสและในประเทศสหรัฐอเมริกา เครื่องดื่มที่ได้จะมีลักษณะแตกต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง 

ในประเทศฝรั่งเศส ถ้าหากสั่ง คาเฟ่ โอเล่ต์ ความคาดหวังของลูกค้า คือ ได้Cappuccino ที่มีเบสเป็นเอสเพรสโซ ที่ไม่ใช่กาแฟดริปที่ใส่นม เหมือนอย่างในประเทศสหรัฐอเมริกา ดังนั้นบาริสต้า จึงจำเป็นที่จะต้องถามลูกค้าให้ละเอียดถี่ถ้วน ถึงความต้องการจริง ๆ ของลูกค้า  เพื่อไม่ให้เข้าใจผิด และสามารถตอบรับความคาดหวังของลูกค้าได้อย่างถูกต้อง หรืออย่างน้อยก็ให้ใกล้เคียงที่สุดเท่าที่จะทำได้ 

อีกทั้งในปัจจุบันนี้ มีสิ่งที่น่าสังเกตอีกอย่างหนึ่งก็ คือเนื้อเรื่องของนม ผู้บริโภคจำนวนมากเรื่องที่จะดื่มนมจากสัตว์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนมวัว แต่ว่าเมื่อเวลาผ่านไป อัตราการบริโภคนมจากพืชก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่วัฒนธรรมกาแฟกำลังพัฒนาไปเรื่อย ๆ วัฒนธรรมการบริโภคนมจากพืชก็พัฒนาขึ้นตามไปด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้น เมนูกาแฟ คาเฟ่ โอเล่ต์ ที่ว่านี้ก็อาจจะต้องเปลี่ยนแปลงตามวัฒนธรรมเหล่านี้ด้วย ด้วยเหตุนี้ ร้านกาแฟบางร้านจึงมีการให้เลือกชนิดของนม ที่จะนำมาชงกาแฟอีกด้วย 

คาเฟ่ โอเล่ต์เป็นเมนูกาแฟ ที่มีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์กาแฟของทวีปยุโรปเป็นอย่างมาก ถึงแม้จะมีรูปแบบที่แตกต่างกันมากมายกระจายไปอยู่ทั่วโลก แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องยอมรับว่า เมนูกาแฟเหล่านี้ได้รับความนิยมมาหลายร้อยปีแล้ว และดูเหมือนว่าจะยังคงอยู่จนถึงปัจจุบันนี้ ถึงแม้จะไม่ได้รับความนิยมเท่าเดิมก็ตาม 

คาเฟ่ โอเล่ต์ กาแฟนมของชาวฝรั่งเศส ด้วยส่วนผสมที่เรียบง่าย เพียงแค่นมวัวกับกาแฟ แต่กลับมีศักยภาพมากมายได้ถึงขนาดนี้ ด้วยรสชาติที่กลมกล่อม ละมุน ทำให้ดื่มง่าย และหลายร้อยปีนี้ ไม่ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆกับเครื่องดื่มชนิดนี้เลย

 แต่ในยุคปัจจุบันนี้ แนวโน้มผู้บริโภคเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ทำให้เครื่องดื่มชนิดนี้ต้องเปลี่ยนแปลง และพัฒนาไปด้วย นมวัวที่เคยใช้อาจจะต้องเปลี่ยนเป็นนมจากพืชแทน ในช่วงแรกอาจจะอยู่เพียงแค่ในร้านกาแฟแบบพิเศษ ไม่แน่ต่อมา ในอนาคตข้างหน้าอาจจะเปลี่ยนเป็นนมจากพืชทั้งหมดเลยก็ได้

แต่ว่าอย่างไรก็ตาม ไม่ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นหรือไม่ แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอน และยังคงต้องอยู่ คือ รสชาติหวาน และความครีมมี่ ที่เป็นองค์ประกอบหลักของเมนูกาแฟชนิดนี้ ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบไหน ชื่อไหน หรืออยู่ในร้านกาแฟ ของภูมิภาคไหนของโลกก็ตาม ถึงแม้ในบ้านเราจะไม่คุ้นชินกับชื่อคาเฟ่ โอเล่ต์ กันมากนัก แต่ก็เป็นอะไรที่น่าสนใจมาก ๆ ที่จะหามาลองดื่ม ถ้าหากคุณได้ไปร้านกาแฟในวันต่อมา ๆ คุณลองถามบาริสต้า ว่ามี คาเฟ่ โอเล่ต์ อยู่ในร้านหรือไม่ และถ้าหากมีเครื่องดื่มชนิดนี้อยู่ ลองสั่งมาดื่มสักครั้ง ก็ไม่เสียหายอะไร ไม่แน่คุณอาจจะชอบเครื่องดื่มชนิดนี้ เสียจนต้องดื่มบ่อย ๆ ก็เป็นได้ 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *