12 ข้อดีของการดื่มกาแฟ “กาแฟ” เครื่องดื่มยอดนิยมที่เรามักจะเลือกดื่ม เพราะ ช่วยให้เรารู้สึกไม่ง่วงในระหว่างวัน อีกทั้งยังช่วยทำให้ร่างกายเราตื่นตัวในการทำกิจวัตรประจำวัน อีกทั้งยังมีรสชาติที่ดี หลากหลาย และมีกลิ่นหอม แต่รู้หรือไม่ว่าข้อดีของการดื่มกาแฟมีมากกว่านั้น
12 ข้อดีของการดื่มกาแฟ เป็นประโยชน์ต่อร่างกายของเรา
- มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระมีประโยชน์มากสำหรับร่างกายของคนเรา เพราะ สารต้านอนุมูลอิสระสามารถช่วยซ่อมแซมเซลล์ต่างๆในร่างกายที่ถูกทำลาย อีกทั้งยังช่วยชะลอการแก่ชรา ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งต่างๆ ลดภาวะการเป็นอัลไซเมอร์ ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกาย นอกจากนี้ยังช่วยป้องกัน และลดอัตราการเป็นโรคหัวใจ ป้องกันโรคเส้นเลือดในสมองตีบ และยังช่วยเป็นเกราะป้องกันมลพิษต่างๆจากสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
- ทำให้เรารู้สึกตื่นตัว ไม่ง่วงขณะทำกิจกรรมระหว่างวัน ทำให้สามารถทำกิจกรรมต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจาก คาเฟอีน (Caffeine) จากกาแฟจะเข้าไปกระตุ้นประสาทส่วนกลาง ดังนั้นร่างกายที่อ่อนล้าจะกลับมาสดชื่น หายอ่อนเพลีย
- ช่วยให้ลดความรู้สึกหนาวได้ เนื่องจากคาเฟอีน
- ช่วยลดการเกิดโรคหืด เพราะว่า สารคาเฟอีน จะช่วยระงับความเครียดของระบบประสาทสัมผัสสำรองได้ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดอาการหอบหืด
- ลดอาการปวดหัว จากโรคไมเกรน (Migraine) คาเฟอีน ถูกนำไปใช้แก้ หรือลดอาการปวดหัว อีกทั้งยังสามารถช่วยลดอาการปวดศรีษะ จากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะ คาเฟอีนในกาแฟช่วยขยายหลอดเลือด และเพิ่มการไหลเวียนของเลือด
- ช่วยบรรเทาอาการปวด ยาแก้ปวดหลายประเภทที่อยู่ในท้องตลาดมีการผสมคาเฟอีน (Caffeine) เข้าไปด้วย 65 mg เช่น aspririn, ibuprofen, acetaminophen และคาเฟอีนนั้น สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดได้ถึง 40 เปอร์เซ็นต์
- ช่วยให้มีอารมณ์ที่แจ่มใสขึ้น เพราะว่า คาเฟอีน ในกาแฟที่เราดื่มเข้าไปจะไปช่วยคลายความเครียด และทำให้เราอารมณ์ดีขึ้นได้ 15 ถึง 20 เปอร์เซ็นต์
- ช่วยให้ความสามารถของกล้ามเนื้อสูงขึ้น เพราะ คาเฟอีน มีช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และความทนทานของกล้ามเนื้อ อีกทั้งยังช่วยบรรเทาอาการปวด และลดความล้าของกล้ามเนื้อจากการออกกำลังกายได้ ทำให้ความสามารถในการเล่นกีฬาดีขึ้น
- ช่วยป้องกันฟันผุ เพราะในกาแฟมีสารประกอบที่ชื่อว่า Trigonelline เป็นสารที่ทำให้กาแฟ มีรสขม และมีกลิ่นที่หอม ซึ่งสารตัวนี้มีประสิทธิภาพช่วยป้องกันการก่อตัวของแบคทีเรีย
- ช่วยในการสลายไขมัน การดื่มกาแฟหลังจากการทานอาหาร จะทำให้ไขมันที่เรากินเข้าไปแตกตัว และทำให้เราได้รับพลังงานทดแทน ซึ่งเป็นผลของคาเฟอีน และยังมีอีกหลายหลายการวิจัยระบุว่าคาเฟอีนช่วยให้ลดน้ำหนักได้ เพราะ ช่วยกระตุ้นระบบเมตาบอลซึม
- ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคได้ การดื่มกาแฟในปริมาณที่เหมาะสม และไม่ใส่น้ำตาล นม หรือครีมเทียม มากจนเกินไป กาแฟจะสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต่างๆ ได้
กาแฟช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต่างๆ ได้มากมายหลายโรค เช่น
- ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ ในผู้หญิงจากงานวิจัยในมหาวิทยาลัยของสเปนพบว่า “ผู้หญิงที่ดื่มกาแฟ วันละ 2-3 แก้ว มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้ดื่มกาแฟถึง 25 เปอร์เซ็นต์” เนื่องจากสารนิโคตินที่เป็นวิตามินบีรวมจะไปช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด ซึ่งจะทำให้หลอดเลือดไม่เเข็งตัว และเกิดภาวะไขมันในเลือดลดลง
- ลดความเสี่ยงของการเป็นเบาหวาน ในกาแฟมีสารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกว่า “ควินิน (Quinines)” ซึ่งเป็นสารประกอบที่สามารถทำให้ร่างกายผลิตอินซูลินดีขึ้น มีงานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารโภชนาการทางการแพทย์ของมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด ได้ระบุไว้ว่า ผู้ที่ดื่มกาแฟ 4 แก้วใน 1 วัน จะมีความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานน้อยกว่าคนที่ไม่ดื่มกาแฟถึง 60 เปอร์เซ็นต์ คาดกันว่าในกาแฟมีสารต้านอนุมูลอิสระ ชนิดเดียวกันกับองุ่น และยังสูงกว่าผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เช่น บลูเบอร์รี่ อีกด้วย
- ลดความเสี่ยงจากการเกิดภาวะความจำเสื่อม ผลจากการวิจัยพบว่า “การดื่มกาแฟ ช่วยชะลอภาวะความจำเสื่อมโดยหยุดยั้ง หรือต่อต้านการจับตัวของคอเรสเตอรอล (Cholesterol) ที่ส่งผลเสียต่อร่างกายถึง 65 เปอร์เซ็นต์” ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยในอเมริกาเหนือที่กล่าวว่า การดื่มกาแฟ วันละ 2 แก้ว จะช่วยพัฒนาความจำ อีกทั้งยังเพิ่มความจำระยะสั้น และยังมีความจำที่ดีกว่าคนที่ไม่ดื่มกาแฟ เพราะ กาแฟจะช่วยกระตุ้นสมองให้ทำงานได้เร็วขึ้น
- ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ จากผลการศึกษากับผู้หญิงในประเทศญี่ปุ่นนาน 12 ปี ผลการศึกษาพบว่า “ผู้ที่ดื่มกาแฟ 3 แก้ว หรือมากกว่านั้น ในหนึ่งวันมีแนวโน้มที่จะลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคมะเร็งในลำไส้ใหญ่ได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์”
- ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็วต่อมลูกหมาก จากผลการศึกษาผู้ชาย 50,000 คน เป็นเวลา 20 ปี พบว่า “ผู้ที่ดื่มกาแฟ 6 แก้วต่อวัน มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมากน้อยกว่าคนที่ไม่ได้ดื่มกาแฟ” เนื่องจากในกาแฟมีกรดอะซิติกซึ่งจะช่วยยับยั้ง และทำลายเซลล์ที่ผิดปกติ นอกจากนี้ยังช่วยกำจัดสารพิษในร่างกาย เพราะฉะนั้นจึงป้องกันโรคมะเร็งที่มีอาการในระยะแรกได้หลายชนิด
- ลดความเสี่ยงของการเป็นโรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer) จากผลการศึกษากับวัยกลางคนที่อาศัยอยู่ในประเทศฟินเเลนด์ จำนวน 1,400 พบว่า “ผู้ที่ดื่มกาแฟ 5 ถ้วยต่อวัน สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นอัลไซเมอร์ได้ถึง 65 เปอร์เซ็นต์”
- ลดความเสี่ยงของการเป็นโรคตับเเข็ง จากการศึกษากับผู้ที่ดื่มกาแฟจำนวน 125,000 คน พบว่า “การที่ดื่มกาแฟ 1 แก้วต่อวัน ทำให้ความเสี่ยงที่จะเป็นโรคตับเเข็งลดลง 20 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าดื่มกาแฟ 4 แก้ว ต่อวัน จะสามารถลดได้ถึง 80 เปอร์เซ็นต์”
- ลดความเสี่ยงของการเกิดนิ่วในถุงน้ำดีได้ ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ผู้ชายที่ดื่มกาแฟอย่างน้อยวันละ 2 แก้ว จะมีแนวโน้มในการลดความเสี่ยงของการเกิดนิ่วในถุงน้ำดีได้ 40 เปอร์เซ็นต์ แต่สำหรับผู้หญิงที่ดื่มกาแฟดื่มกาแฟ ในปริมาณที่เท่ากันจะลดความเสี่ยงได้ 25 เปอร์เซ็นต์ และ45 เปอร์เซ็นต์ สำหรับคนที่ดื่มกาแฟมากกว่า 4 แก้วต่อวัน
- ลดความเสี่ยงการเกิดการอุดตันในเส้นเลือดใหญ่ ของผู้หญิงจากผลการศึกษา กับนางพยาบาลที่ไม่สูบบุหรี่ จำนวน 83,000 คน และดื่มกาแฟ 4 แก้ว ใน 1 วัน สามารถช่วยลดความเสี่ยงได้ถึง 43 เปอร์เซ็นต์
- ลดความเสี่ยงการเกิดอาการสั่นของอวัยวะจากระบบประสาทได้
- ช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคเกาต์ จากผลการวิจัยแนะนำให้ผู้ที่มีอายุสูงกว่า 40 ปี ดื่มกาแฟเป็นประจำ 3 ถึง 6 แก้วต่อวัน เพราะจะช่วยลดการอักเสบของข้อจากกรดยูริกที่เกินขนาด
- ช่วยลดการเกิดโรคพาคินสัน จากผลการวิจัย พบว่าผู้ที่ดื่มกาแฟมีโอกาสที่จะเป็นโรคพาคินสันน้อยกว่าคนที่ไม่ดื่มกาแฟ จากการวิจัยของศูนย์การแพทย์ในนครฮอนโนลูลู ประเทศสหรัฐอเมริกา
- ลดความเสี่ยงของการเกิดการฆ่าตัวตาย จากผลการศึกษากับผู้หญิงจำนวน 86,000 คน เป็นเวลา 10 ปี พบว่า ผู้หญิงที่ดื่มกาแฟ วันละ 2 แก้ว ช่วยลดอัตราเสี่ยงของการฆ่าตัวตาย ได้ถึง 60 เปอร์เซ็นต์
หลังจากที่ได้รู้ข้อดีของการดื่มกาแฟกันบ้างแล้วก็อย่าลืมไปหากาแฟสักแก้วมาดื่มกันนะ แต่ขอแนะนำว่าไม่ควรที่จะใส่น้ำตาล ครีมเทียม หรือนมมากจนเกินไป เพราะ มันจะกลายเป็นโทษต่อร่างกายแทน (ข้อเสียของการดื่มกาแฟ) ดังนั้นเราก็มีข้อแนะนำอีกว่าควรเลือกดื่ม เมนูกาแฟดำ ที่ไม่มีน้ำตาลเพื่อสุขภาพที่ดีของคุณ